#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๑๖
??
#ถาม : เวลาที่เราไหว้พระ ควรจะอธิษฐานขอพรหรือขอสิ่งต่างๆไหมครับ? ถ้าควร ควรจะอธิษฐานขอพรใดหรือสิ่งใดครับ เพื่อไม่เป็นไปเพื่อกิเลส?
#ตอบ : “อธิษฐาน” แปลว่า ความตั้งใจมั่น
“พร”
– โดยทั่วไป แปลว่า สิ่งประเสริฐ สิ่งดีเยี่ยม
– ในทางพุทธศาสนา มีอีกความหมายว่า สิ่งที่อนุญาตหรือให้ตามที่ขอ
“ให้พร”
– โดยทั่วไป หมายถึง คำแสดงความปรารถนาดี ปรารถนาให้ประสบสิ่งที่เป็นสิริมงคล
– ในทางพุทธศาสนา หมายถึง การอนุญาตหรือให้โอกาสที่จะขอ ยอมที่จะให้ หน่อเอื้ออำนวยให้เป็นข้ออนุญาตพิเศษ เป็นรางวัล
“ขอพร”
– โดยทั่วไป กลับรู้สึกไปในทางขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาล
– ในทางพุทธศาสนา หมายถึง การขออนุญาตเลือกเอาตามประสงค์
เช่น
นางวิสาขา อาศัยเหตุที่พระภิกษุทั้งหลายไม่มีผ้าอาบน้ำฝน ต้องเปลือยกายอาบน้ำในคราวฝนตก จึงกราบทูลขอพร ๘ ประการ กับพระพุทธเจ้า
พรเหล่านั้นได้แก่
๑. ขออนุญาตถวายผ้าอาบน้ำฝน
๒. อาหารสำหรับภิกษุอาคันตุกะ
๓. อาหารสำหรับภิกษุผู้เตรียมจะเดินทาง
๔. อาหารสำหรับภิกษุไข้
๕. อาการสำหรับภิกษุผู้พยาบาลภิกษุไข้
๖. เภสัชสำหรับภิกษุไข้
๗. ขออนุญาตถวายข้าวต้มยาคูเป็นประจำ
๘. ขอถวายผ้าอาบน้ำแก่ภิกษุณีสงฆ์จนตลอดชีวิต
พระพุทธเจ้าตรัสถามว่านางเห็นอำนาจประโยชน์อะไร และเห็นอานิสงส์อะไร จึงขอพรเหล่านั้น เมื่อนางตอบแล้ว พระองค์ก็ทรงอนุญาต
อย่างนี้ ขอพร ก็ชัดว่าเป็นการขออนุญาตหรือขอโอกาสที่จะทำบุญ
พระอานนท์ ก่อนที่จะรับหน้าที่เป็นพุทธอุปัฏฐาก ท่านก็ได้ทูลขอพร ๘ ประการ คือ
๑. ขออย่าประทานจีวรอันประณีตแก่ข้าพระองค์
๒. ขออย่าประทานบิณฑบาตอันประณีตแก่ข้าพระองค์
๓. ขอได้โปรดอย่าให้ข้าพระองค์อยู่ในที่ประทับของพระองค์
๔. ขอได้โปรดอย่าพาข้าพระองค์ไปในที่นิมนต์
๕. ขอพระองค์จงเสด็จไปสู่ที่นิมนต์ที่ข้าพระองค์รับไว้
๖. ขอให้ข้าพระองค์พาบริษัทที่มาจากแดนไกลเข้าเป้าพระองค์ได้ในขณะที่มาถึงแล้ว
๗. ถ้าข้าพระองค์เกิดความสงสัยขึ้นเมื่อใด ขอให้ข้าพระองค์เข้าเฝ้าทูลถามความสงสัยได้เมื่อนั้น
๘. ถ้าพระองค์แสดงพระธรรมเทศนาเรื่องใดในที่ลับหลังข้าพระองค์ ขอได้โปรดตรัสพระธรรมเทศนาเรื่องนั้นแก่ข้าพระองค์อีกครั้ง
พระพุทธเจ้าตรัสถามว่าเห็นคุณและโทษอย่างไร จึงขออย่างนั้น
พระอานนท์ทูลตอบว่า
ข้อ ๑ – ๔ ขอเพื่อป้องกันคำครหา ว่ามาทำหน้าที่เพราะป๋าลาภสักการะ
ข้อ ๕ - ๗ ขอเพื่อป้องกันคำครหา ว่าต่างทำหน้าที่นี้ไปทำไม เรื่องเพียงเท่านี้พระพุทธองค์ก็ไม่ทรงอนุเคราะห์
ข้อ ๘ ขอเพราะ หากเมื่อมีผู้มาถามว่า ธรรมขอนี้พระทรงแสดงที่ไหน ถ้าไม่ทราบ ก็จะถูกตำหนิได้ว่า พระอานนท์ติดตามพระศาสดาไปทุกแห่ง แต่เหตุไฉนจึงไม่รู้แม้แต่เรื่องเพียงเท่านี้
แล้วพระองค์ก็ทรงอนุญาต
นี่เป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับพุทธบริษัท เพราะเป็นพันที่ขอโดยพระเสขบุคคล พรที่ขอ ก็เพื่อแสดงความประสงค์ หรือขออนุญาตทำความดี ทำเรื่องที่ดี ไม่มีเรื่องสนองกิเลสตัณหาเลย
มีข้อสังเกตว่า ในภาษาไทย การขอพรจะหวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เทพผู้มีฤทธิ์มีอำนาจ บันดาลให้ ผู้ขอไม่ต้องทำ แต่พระอริยสาวกขอพร เพื่อขอโอกาสที่จะทำ และสิ่งที่จะทำนั้นเป็นสิ่งที่ดี
ฉะนั้น ถ้าจะไหว้พระขอพร ก็ควรจะถือโอกาสขอนำธรรมมาปฏิบัติ
หากยังปรารถนา “พร” ในลักษณะที่บันดาลให้อายุยืน ผิวพรรณงามผ่องใส มีทรัพย์สินเหลือใช้ มีสุขภาพแข็งแรงดี เป็นต้นอย่างนี้ ก็ขอแนะนำธรรมชุดหนึ่งไปปฏิบัติ
ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเที่ยวไปในโคจร ซึ่งเป็นวิสัยอันสืบมาจากบิดาตน
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อเธอทั้งหลายเที่ยวไปในโคจร ซึ่งเป็นวิสัยอันสืบมาจากบิดาตน จักเจริญทั้งด้วยอายุ จักเจริญทั้งด้วยวรรณะ จักเจริญทั้งด้วยสุข จักเจริญทั้งด้วยโภคะ จักเจริญทั้งด้วยพละ ฯ”
คำว่า” โคจร ซึ่งเป็นวิสัยอันสืบมาจากบิดาตน” ก็คือ สติปัฏฐาน ๔ นั่นเอง
กล่าวอย่างง่ายก็คือ ฝึกหัดปฏิบัติไปตามคำของครูบาอาจารย์ที่ว่า
“มีสติ รู้กาย รู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง”
แล้วจะได้ “เบญจพิธพร” คือพร ๕ ประการ ดังกล่าว
ซึ่งได้มาจาก”พร”ที่เรามี จากการ”ทำ”ของเราเอง
๒๑ พฤษภาคม ๒๕๖๑