#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๒๘
??
#ถาม : ตอนนี้มีโอกาสดีๆเข้ามาในชีวิต คือการมีโอกาสที่จะได้ไปอยู่และทำงานที่ต่างประเทศกับลูก จึงมีข้อสงสัยว่า ถ้าเราฉวยโอกาสอันดีนี้ไว้ จะเป็นการไม่มักน้อยหรือไม่สันโดษหรือไม่?
หากปรารถนาพ้นทุกข์ก็ควรอยู่ที่ประเทศไทยใช่หรือไม่?
ถ้าไปจะเป็นการหนีปัญหาหรือไม่ค่ะ? (เพราะอยู่เมืองไทยรายได้ไม่ดีไม่พอใช้) หรือควรอยู่เมืองไทยเพราะคนเราทำอะไรก็ไม่พ้นกรรม?
ขอพระอาจารย์โปรดชี้แนะว่าควรวางใจอย่างไร และควรตัดสินใจอย่างไรดีค่ะ
#ตอบ : มักมาก หมายถึง โลภ อยากได้มากๆ
มักน้อย หมายถึง พอใจด้วยของเพียงน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น
สันโดษ หมายถึง ความยินดีด้วยปัจจัย ๔ ของตนตามมีตามได้ พอใจผลที่ได้มาจากความเพียรพยายามอันชอบธรรมของตน ไม่ริษยาผลได้ของใคร
ฉะนั้น ในกรณีนี้ การไปอยู่และทำงานที่ต่างประเทศตามโอกาสที่มี ไม่ใช่เป็นการมักมาก หรือไม่สันโดษนะ
และถ้าเราไม่ได้มีปัญหาที่ต้องรับผิดชอบที่นี่ หรือถึงมีก็เคลียร์ปัญหานั้นเรียบร้อบแล้ว การไปต่างประเทศก็ไม่ใช่เป็นการหนีปัญหา แต่อาจจะเป็นการหาโอกาสให้ชีวิตก็ได้
เพียงแต่ว่า เพื่อความรอบคอบ เราควรมีข้อมูลของประเทศที่จะไปให้มากพอที่จะตัดสินใจ เช่น เรื่องกฎหมาย เป็นต้น
และที่ว่า “คนเราทำอะไรก็ไม่พ้นกรรม” แล้วไม่ยอมทำอะไร นอนรอให้กรรมให้ผล อย่างนี้เป็นความเข้าใจผิดในเรื่องกรรมและการให้ผลของกรรม
ชาวพุทธที่ดี ต้องขวนขวายสร้างกุศลกรรม
ถ้าต้องการให้มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ก็ควรประพฤติตามหลักธรรม เช่น “ทิฏฐธัมมิกัตถะ” ๔ ข้อ ได้แก่
๑. ถึงพร้อมด้วยความหมั่น คือ ขยันการทำหน้าที่การงานอันสุจริต ขวนขวายพัฒนาความสามารถให้ชำนาญยิ่งขึ้น สอดส่องดูแลตรวจตรางาน ถ้ามีข้อผิดพลาดก็รีบแก้ไข
๒. ถึงพร้อมด้วยการรักษา คือ รู้จักเก็บรักษาทรัพย์ที่หาได้มาด้วยความเพียรนั้น ไม่ให้เป็นอันตราย
๓. คบคนดีเป็นมิตร ก็ต้องแยกแยะว่า ใครเป็นผู้ทรงคุณ มีศรัทธา มีศีล มีความเสียสละ มีปัญญา ก็เลือกเข้าไปใกล้ ไต่ถามปัญหา คบหาท่านผู้นั้น แม้อยู่ไกลก็ขวนขวายติดต่อ
๔. มีความเป็นอยู่เหมาะสม คือ จัดการเรื่องรายได้และรายจ่ายให้เหมาะ ไม่ฟุ้งเฟ้อ แต่ก็ไม่ถึงกับฝืดเคือง
ส่วนกรณีที่ปรารถนาพ้นทุกข์นั้น การอยู่ต่างประเทศก็ไม่ได้หมายความว่าจะถูกตัดขาดจากมรรคผล ขอให้รู้หลักการปฏิบัติ แล้วนำไปใช้ให้จริงจังเท่านั้น
ยิ่งเดี๋ยวนี้มีตัวช่วยเยอะ เช่น เข้า website, ดู YouTube หรือแม้กระทั่งอ่านใน Facebook นี้ เป็นต้น
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
“สุภัททะ ! ในธรรมวินัยใด ไม่มีอริยมรรคมีองค์แปด
สมณะที่หนึ่ง (พระโสดาบัน) ก็หาไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น;
แม้สมณะที่สอง (พระสกทาคามี) ก็หาไม่ได้;
แม้สมณะที่สาม (พระอนาคามี) ก็หาไม่ได้;
แม้สมณะที่สี่ (พระอรหันต์) ก็หาไม่ได้ในธรรมวินัยนั้น.
สุภัททะ ! ในธรรมวินัยนี้แล มีอริยมรรคมีองค์แปด
สมณะที่หนึ่ง (พระโสดาบัน) ก็หาได้ในธรรมวินัยนี้;
แม้สมณะที่สอง (พระสกทาคามี) ก็หาได้;
แม้สมณะที่สาม (พระอนาคามี) ก็หาได้;
แม้สมณะที่สี่ (พระอรหันต์) ก็หาได้ในธรรมวินัยนี้.
สุภัททะ ! ถ้าภิกษุทั้งหลายเหล่านี้ จะพึงอยู่โดยชอบไซร้
โลกก็จะไม่ว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย”
ดังนั้น ไม่ว่าโยมจะไปอยู่ที่ไหน ถ้าไปอยู่โดยชอบ คือปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปด (โดยย่อก็คือ ศีลสิกขา, จิตตสิกขา, ปัญญาสิกขา) ก็ย่อมอยู่ในทางสู่ความพ้นทุกข์ด้วยกัน
๒๔ สิงหาคม ๒๕๖๑