วันพฤหัสบดีที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๒
วันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๔
???
พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ ๒๐๓
พระพุทธองค์พิจารณาสัตว์โลกทั้งหลาย
แบ่งเป็น ๓ ประเภท เปรียบเหมือนบัวสามเหล่า
เราได้ยินคุ้นเคยว่าเป็นบัวสี่เหล่านะ!
จริงๆ ถ้าในพุทธพจน์ ในพระสูตรมีแค่สามเหล่า
เหล่าแรก คือ บัวที่พ้นน้ำ
เหล่าที่สอง คือ บัวที่ปริ่มน้ำ
เหล่าที่สาม คือ บัวที่อยู่ในน้ำ
บัวลำดับแรก เพียงแค่รับแสงก็บาน
บัวลำดับสอง คือที่ปริ่มน้ำอยู่นี่ อีกวันหนึ่งก็จะบาน
ส่วนบัวเหล่าที่สาม ที่อยู่ในน้ำเนี่ย รอเวลาเพาะบ่มอีกสักหน่อย
เดี๋ยวก็จะมาปริ่มน้ำ เดี๋ยวก็มาพ้นน้ำ แล้วเดี๋ยวก็จะบาน
พิจารณาสัตว์โลกว่า มีลักษณะอย่างนี้
คือสัตว์โลกที่จะฟังธรรมของพระองค์นั้นแล้วได้ผล
มี ๓ ประเภท จึงตัดสินพระทัยว่าจะแสดงธรรม
ตอนนี้อรรถกถาจะอธิบายเป็น ๔ เปรียบเทียบว่า
บัวที่พ้นน้ำ
คือบัวประเภท “#อุคฆฏิตัญญู”
ตรัสรู้เร็ว คือ ฟังธรรมครั้งแรกก็บรรลุธรรมขึ้นใดขั้นหนึ่ง
อาจจะเป็น พระโสดาบัน พระสกิทาคามี พระอนาคามี
หรือกระทั่งเป็นพระอรหันต์
(คือมีปัญญาเฉียบแหลม ได้ฟังเพียงแค่หัวข้อก็เข้าใจ)
ส่วนบัวประเภทที่สอง
เปรียบเหมือนบุคคลที่เรียกว่า “#วิปจิตัญญู”
ก็คือฟังธรรมครั้งแรกอาจจะยังไม่บรรลุ
ต้องฟังอีกสักครั้ง หรือสองครั้งจึงจะบรรลุ
(คือบรรลุธรรมได้ต่อเมื่อได้ฟังการอธิบายขยายความ)
ประเภทที่สาม คือ บัวในน้ำ
บัวในน้ำเนี่ย ต้องรอเวลาอบรมบ่มนิสัย
ประคบประหงม จนกว่าจะพ้นน้ำ ต้องใช้เวลาหลายวัน
บุคคลประเภทนี้เรียกว่า “#เนยยะบุคคล”
(คือผู้ที่พอจะฝึกสอนอบรมให้เข้าใจธรรมได้ต่อไป)
บุคคลประเภทนี้คือ บุคคลที่ฟังธรรม(ครั้งแรก)แล้วยังไม่บรรลุ
สองครั้งก็แล้ว สามครั้งก็แล้ว สี่ครั้งก็แล้ว ห้าครั้งก็แล้ว ยังไม่บรรลุ
(แต่ก็จะบรรลุได้ในชาตินี้)
เราก็คงนับครั้งไม่ถ้วนแล้วล่ะ
คงจะเป็นประเภท”เนยยะ”นี่แหละ!
ฟังแล้วไม่ได้ฟังธรรมดา
แต่ฟังแล้วเอาสิ่งที่ฟังนั้นเอามาประพฤติปฏิบัติ
ฟังให้ได้หลักการปฏิบัติ แล้วเอาไปปฏิบัติ
คือ(สิ่งที่)ฟังแล้ว เรียกว่าเป็นภาคปริยัติ
ก็เอาสิ่งที่ฟังมาปฏิบัติจนกว่าจะได้รับผล
ซึ่งขั้นตอนตั้งแต่ฟังปฏิบัติจนถึงได้ผลเนี่ยนะ
จะสั้นจะยาวแล้วแต่อินทรีย์ของแต่ละคน
ก็คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ๕ อย่างนี้ ว่าใครจะมีอินทรีย์แก่กล้าแค่ไหน?
…..
ในอรรถกถายังอธิบายในประเภทที่สี่
ว่ามีเหมือนกัน ที่ว่าฝึกชาตินี้เท่าไหร่ ก็ยังไม่สำเร็จ
เพราะว่าอินทรีย์ยังอ่อนมาก
ภาษาพระจะเรียกว่า “#ปทปรมะ”
(อ่านว่า ปะ-ทะ-ปะ-ระ-มะ แปลว่า ผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง)
คือได้อย่างยิ่งก็เพียงแค่จำตัวบท คือจำธรรมะได้
จำหลักการได้ ปฏิบัติสมถะ วิปัสสนากรรมฐานได้
แต่ยังไม่ถึงขึ้นมรรคผล เพราะอินทรียังอ่อน
อ่อนเกินไป แต่ก็ยังได้ประโยชน์
คำสอนของพระพุทธองค์มีประโยชน์แม้กระทั่งพวกปทปรมะ
ชาติต่อๆไป ชาติหน้าของบุคคลปทปรมะ
เกิดมาจะภาวนาง่ายขึ้น
เราอาจจะเป็น”ปทปรมะ”มาหลายชาติแล้วก็ได้
ชาตินี้ขอให้เป็น”เนยยะ”ก็แล้วกัน!
เหลืออยู่ประเภทเดียวที่พอจะหวังได้คือ
เราน่าจะเป็น”เนยยะบุคคล”
ฝึกฝนตน ก็คือ ทำธุลีในดวงตาให้มันน้อยๆลง
ทำฝุ่นควันให้มันน้อยลง!
ธรรมบรรยายโดย
พระกฤช นิมฺมโล
???
เรียบเรียงจากไฟล์เสียง159-620210 ธุลีในดวงตา-วัดอินทารามc
ลิงค์ไฟล์เสียง https://bit.ly/2OiFBos
(นาทีที่ ๐๗.๒๔-๒๕:๐๘)
ถอดคำโดย ไนท์ ศิลา