#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๒๖๑ #ไม่ชอบแม่สามีพูดเรื่องคนอื่น ?? #ถาม : โยมอยู่บ้านแม่สามีนะคะ ทีนี้แม่สามีชอบเอาเรื่องข้างนอก เรื่องคนอื่นมาพูด แล้วใจโยมก็รู้สึกว่าโยมไม่ค่อยชอบ เราจะแก้ยังไงดีคะ? แบบใจเรามันจะค้านว่า “ทำไมเอาเรื่องคนโน้นมาพูด? ทำไมต้องพูดโกหก? ทำไม..? อะไรอย่างนี้น่ะค่ะ ..แต่โยมไม่ได้เถียงนะคะ ยังไม่ได้พูดอะไรนะคะ #ตอบ : ชักสีหน้าไหม? สีหน้าเปลี่ยนไหม? #ถาม : ไม่เปลี่ยนค่ะ โยมก็แบบ.. “อุ้ย! เอาอีกแล้ว” พอเอาอีกแล้วนี่..โยมจะเงียบไปเลย แล้วบางทีโยมก็สงสารแกนะ เพราะว่าอย่างแกทานข้าวอย่างนี้ แกก็ทานคนเดียวโยมก็ไปนั่งคุย พอโยมคุยได้ซัก ๒ – ๓ คำ แกก็เอาคนอื่นมาอีกแล้วนะคะ แล้วโยมจะแก้อย่างไรดีคะ? #ตอบ : ไม่ได้แก้ที่แม่นะ! แม่เนี่ย ยังไม่ต้องแก้ ให้รู้ทันจิตใจเรา เราได้ยินคำนี้..แล้วไม่ชอบใจ ให้รู้ทันว่า..มีโทสะเกิดขึ้นในใจ นึกออกไหม? แม่จะพูดอะไรมา เราก็ไม่เติมเรื่อง อาจจะพยักหน้าหงึก ๆ ไป ไอ้พยักหน้าเนี่ยนะ ไม่ได้เห็นด้วยอะไรกับเขาหรอก แค่ “อืม..เรื่องมันเป็นอย่างนี้” แล้วเราอาศัยกายเคลื่อนไหวเนี่ย..เจริญกรรมฐานรู้กาย เอาจิต..รู้กาย ฟัง..แล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้ว..มีความสุข เราก็รู้ว่าขณะนี้ กาย..ยิ้ม ใจ..มีความสุข นึกออกไหม? เราไม่ได้สนับสนุนในสิ่งที่แม่พูดมา แต่เราก็ไม่ทำร้ายน้ำใจแม่ นึกออกไหม? เราอาศัยอยู่กับเขาน่ะ จะไปดักคอแม่ แม่ก็โกรธเราน่ะสิ ใช่ไหม? ไม่ต้องดักคอนะ ฟัง ๆ ไปก่อน ตอนนี้เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะมาสอนแม่ เราก็ฟัง ๆ ไป แล้วดูจังหวะดี ๆ ถ้ามีจังหวะอะไรที่ดี ๆ หน่อย คือพอจะบอกกันได้..ก็บอก “แม่อย่าพูดเลย ไม่มีประโยชน์หรอก ตรงนี้นะ!” “พูดไปนะ! เราได้ยินกัน ๒ คน พูดทีไรนะ..เราก็โกรธทุกที โกรธทีไรนะ..กินอาหารไม่อร่อยสักที” อย่างนี้นะ! ใจเราเนี่ย พอนึกถึงเรื่องนี้ คุยเรื่องนี้ แล้วเราไม่ชอบใจ ใจเราเสียทันที อาหารยังไม่เสีย..แต่ใจเราเสีย เริ่มต้นทำใจตัวเองให้ได้ก่อน เพียงแค่.. รู้ทัน ความโกรธที่เกิดขึ้น ใจเป็นปกติแล้ว..รอดูจังหวะ ถ้าจังหวะนี้ ยังไม่ควรพูด..ก็ยังไม่ต้องพูด นึกออกไหม? มันไม่ใช่ว่าจะเตือนกันได้ตลอดเวลานะ เราต้องดูจังหวะ ดูว่าเตือนไปแล้วเนี่ย.. ถ้าเตือนในขณะที่เขากำลังหงุดหงิดจัด ๆ เนี่ยนะ..เราอาจจะโดนโกรธไปด้วย แม่อาจจะโกรธเราไปด้วย นึกออกไหม? ก็ดูจังหวะดี ๆ ว่า คือแต่ละคน ๆ ก็จะมีจังหวะที่ดีไม่เหมือนกัน โยมอยู่ด้วยกันกับคุณแม่มานานเนี่ยนะ ก็น่าจะพอจับจังหวะได้ว่า ควรจะพูดเวลาไหน? ถ้าเห็นว่าพูดแล้วไม่ได้ผล ก็รอนาน ๆ รอไปก่อน อย่างน้อย ๆ ใจเราเนี่ย..อย่าเสียไปด้วย วิธีที่จะรักษาจิต..ก็คือใช้สติรักษา “สติ” เป็นเครื่องรักษาจิต เราไม่ต้องทำอะไรมาก..แค่รู้ทัน เนี่ยนะ ตอน รู้ทัน..มีสติขึ้นมาแล้ว สติ..ที่รู้ทันกิเลสนั่นน่ะ สติ..เป็นตัวรักษาจิต เพราะตอนรู้ทันเนี่ย..ไม่มีกิเลส แล้วเราก็กินต่อไป เสพรสชาติอาหารได้เต็มที่ ตอนเสพรสชาติอาหารนะ! จิตอยู่กับรสชาติเนี่ยนะ..มันไม่ได้ฟัง จิตเนี่ย..ทำงานทีละขณะ เวลาเสพรสชาติอาหารเนี่ยนะ..มันจะไม่ได้ดู ไม่ได้ฟัง ตอนดู..ก็ไม่ได้ฟัง ไม่ได้กิน ไม่ได้เสพรสชาติ ตอนโกรธนะ! อาหารอร่อยอยู่กับปากนะ ก็ไม่รับรู้เลยว่ามันอร่อย..มันกำลังโกรธ จิตเนี่ย เกิด-ดับทีละขณะ และทำงานได้ขณะละอย่างเดียว ฉะนั้นถ้าคุณแม่เอาเรื่องคนอื่นมาคุยบนโต๊ะอาหารเนี่ยนะ เราก็กิน..แล้วเสพรสอาหารของเราไปเรื่อย ๆ มีความสุขกับน้ำพริกไปเรื่อย ๆ เนี่ยนะ นี่นะ! มีรสน้ำพริกอยู่ในปากเนี่ยนะ.. พอจิตไหวไปหาเสียงที่แม่กำลังคุยนะ! จิตแว๊ปไป..รู้ทัน อย่างนี้ ได้ทำกรรมฐานบนโต๊ะอาหารเลย แว๊ปไป ๆ เผลอเนี่ยนะ! เห็นความเผลอ..ใช้ได้ ถ้าเผลอไป..ไม่รู้ทัน เห็นความโกรธ..ก็ยังใช้ได้ เห็นความไม่พอใจ..ใช้ได้ เห็นตอนไหน..เอาตอนนั้น เรียกว่าเราได้ทำกรรมฐานบนโต๊ะอาหารเนี่ยนะ ได้สติหลายตัวเลย บางทีก็อาจจะได้สมาธิจิตตั้งมั่นด้วยซ้ำไป เห็นจิตไหลไป เห็นจิตเผลอไปกับเรื่องราวที่แม่พูด โดยตั้งต้นจิตที่ว่า เรากินข้าว.. มีสติอยู่ตรงปากเราเนี่ย แล้วเผลอไป.. รู้ทัน เผลอไป.. รู้ทัน เวลาเผลอเนี่ยนะ.. คือจิตเปลี่ยนช่องทางรับรู้ เปลี่ยนช่องทางทำงาน แทนที่จะรับรู้อยู่ที่ลิ้น ที่ปากเนี่ยนะ มันใช้ช่องหูแล้ว..ไปฟัง แล้วใช้มโนด้วย..ใช้ความคิดนึก ทำงานหลายช่อง บางทีเราอาจจะเห็นการทำงานของจิตหลากหลายรูปแบบ ในขณะที่กำลังกินข้าว..แล้วแม่กำลังคุยอยู่นี่แหละ เข้าใจเรื่องจิตไปเลย เข้าใจตรงนั้นเลย พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากการตอบปัญหาธรรม ในรายการ “ธรรมะสว่างใจ” วันที่ 18 ธันวาคม ๒๕๖๒ ลิงค์วีดีโอ https://youtu.be/9aFxtIfV5PQ (นาทีที่ 1:09:50 - 1:16:50) Shortlink: April 4, 2020นิมฺมโลตอบโจทย์admin อ่านต่อFacebookTwitterLine