#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๒๖๘ #ไม่อยากผูกพันให้วนเวียนในสังสารวัฏ ?? #ถาม : โยมเห็นโทษภัยในการเวียนเกิดเวียนตาย ไม่อยากให้ใครมาโกรธเกลียดเราและทั้งไม่อยากให้ใครมารักเราด้วย รู้สึกว่ามันจะเป็นการผูกพันให้เราวนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร ควรจะทำอย่างไรดีคะ? #ตอบ : เดี๋ยวนะ! ต้องทำความเข้าใจกันใหม่นิดนึงก่อนนะ ถ้าต้องการจะพ้นจากวัฏสงสาร เราไม่ต้องรอให้ “ทุกคนในโลกนี้จงอย่ารักหรือชังเรา” นะ ถ้าจะรอให้ทุกคนเป็นกลางกับเรา ก็จะไม่เจอสภาวะนั้นสักที เพราะเหมือนกับบอกว่า รอให้ทุกคนบนโลกนี้เป็นพระอรหันต์กันทั้งหมดก่อน ฉันจึงจะพ้นทุกข์ได้ ต้องดูที่ใจเราต่างหาก! ใจเราเผลอไปผูกพันในแง่มีโทสะกับผู้อื่น ..ก็รู้ทัน ใจเราเผลอไปผูกพันในแง่มีราคะกับผู้อื่น ..ก็รู้ทัน แม้กระทั่ง เผลอไปผูกพันในภพต่างๆ เช่น ในรูปภพ อรูปภพ ..ก็รู้ทัน ด้วยวิธีนี้ต่างหาก จึงจะพ้นได้ ไม่ใช่ไปดูว่าใครคิดอะไรกับเรา พระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ เป็นสัมมาสัมพุทธะ ก็ยังมีทั้งคนที่ชอบใจและไม่ชอบใจพระองค์ แต่พระองค์ก็ไม่ได้ยินดียินร้ายด้วย เมื่อพระองค์ให้คำแนะนำสั่งสอนเพื่ออนุเคราะห์เกื้อกูลแก่สัตว์โลก จนกระทั่งพุทธบริษัททั้งสี่เข้มแข็ง พระศาสนาสามารถดำรงอยู่ได้มั่นคงแล้ว พระองค์จึงปลงอายุสังขาร พระองค์เสด็จดับขันธปรินิพพาน ทั้งที่ยังคนจำนวนมากรักและอาลัยร้องไห้คร่ำครวญปรารถนาให้พระองค์ดำรงพระชนม์ชีพอยู่ต่อ รวมทั้งยังมีเหล่าเดียรถีย์อีกมากที่ยังคงไม่ชอบใจ รอเวลาหักล้างทำลายศาสนาพุทธ “ความรักความชังของผู้อื่น” ไม่ได้เป็นสิ่งหน่วงเหนี่ยวเราไว้ในสังสารวัฏ “ความรักความชังของเรา” นั้นต่างหากเป็นสิ่งเหนี่ยวรั้งเราไว้ ให้เวียนเกิดมาเพื่อรอวันสมหวังที่จะได้อยู่ร่วมกับคนที่เรารัก แลรอวันสมหวังที่จะได้ล้างแค้นกับคนที่เราเกลียด “ความรักความชังของเรา” นั่นแหละ ที่ควรรู้ทันมัน เพราะมันหลอกให้เราหลงหวัง หวังแล้วก็ต้องเกิดมาเพื่อทำความหวังให้เต็ม และก็เป็นอย่างนี้มาตลอดสังสารวัฏ ต้องย้อนกลับมาดู “กิเลสที่ใจเรา” นะ พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล ๒ มิถุนายน ๒๕๖๓

อ่านต่อ