วันพฤหัสบดีที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๓ วันพระ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑๐ ??? พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ #เมตตาฤาเสน่หา เมตตานั้นมันพลิกไปพลิกมา ซึ่งอาจจะมีตอนต้น แต่ก็พลิก ตอนพลิกเป็นโทสะเนี่ยดูง่าย เพราะมันตรงข้ามกันเลย แต่ตอนที่พลิกมาเป็นราคะบ้าง เป็นเสน่หาบ้างเนี่ย เรามักจะไม่รู้ เพราะเราจะเรียกมันว่า(เป็น)”เมตตา”ต่อ เมตตาเนี่ยจะเป็นเมตตาแบบ “ปรารถนาให้เขามีความสุข” แต่พอเป็นราคะ หรือเป็นเสน่หาเนี่ย จะ “ปรารถนาให้เขาทำให้เราสุข” อยากให้เขาอยู่ตรงนี้นาน ๆ เพื่อเราจะได้มองเขาบ่อย ๆ แล้วเราจะมีความสุข นี่แค่แบบผิวเผินมากนะ ถ้ายิ่งกว่านั้นก็คือ มาเป็นของเรา เราจะได้แตะตัวเขานาน ๆ มีเขาเดินข้าง ๆ รู้สึกเสริมความเป็นตัวตน “เห็นมั้ย? เมียฉันสวย”..”เห็นมั้ย? สามีฉันหล่อ” มันคือเสริมมานะ เสริมความเป็นตัวตน รู้สึกมีความสุขที่เห็นคนอื่นริษยาเรา ถ้าต้องการเขา..เพื่อให้เรามีความสุข นี่เรียกว่าเป็น “เสน่หา” หรือเป็น “ราคะ” นะ ถ้ารู้อย่างนี้ ก็จะเป็นตัวแยกได้ว่า.. ไอ้เมตตาของเราเนี่ย มันพลิกไปแล้วหรือยัง? เปลี่ยนไปหรือยัง? ถ้ามันเปลี่ยนไป..ให้รู้ทัน มันก็คือสภาวะหนึ่งที่มันเกิดขึ้นมา..แล้วดับไป จากเมตตาเกิดขึ้นมา..แล้วดับไป กลายเป็นราคะเกิดขึ้นมาอีกแล้ว มันไม่ใช่เมตตามาตลอดสายแล้วนะ เมตตามา แล้วก็ดับไป กลายเป็นเสน่หา หรือเมตตาดับไป กลายเป็นราคะขึ้นมา นี่ก็ทำให้เราเห็นสภาวะที่มีการเกิด-ดับเปลี่ยนแปลง เจริญเมตตา แล้วเปลี่ยนเป็นราคะได้มั้ย? …ได้! เพราะเราก็ยังเป็นคนที่ยังมีกิเลส ยังมีเสน่หาได้ ยังมีราคะได้ ยังไม่ใช่เป็นพระอนาคามี เหมือนมีข้ออ้างหน่อย ๆ นะ เป็นข้ออ้างเพื่อให้มีกิเลสได้ แต่จริง ๆ ตามภูมิธรรมของเราเนี่ย..มันยังละราคะไม่ได้ ถ้ามีราคะขึ้นมาก็ให้รู้ทัน แต่ที่มันไม่รู้ทัน เพราะเราคิดว่ามันยังเป็นเมตตา แล้วเรียกชื่อมันว่าเป็นเมตตาอยู่ ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากธรรมบรรยายเรื่อง “เมตตาฤาเสน่หา?” แสดงธรรม ณ บ้านจิตสบาย วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๓ ลิงค์ไฟล์เสียง 630726 เมตตาฤาเสน่หา-บ้านจิตสบาย https://bit.ly/3lLb8jc (ระหว่างเวลา ๒๖.๔๔-๒๙.๒๐)

อ่านต่อ