วันพฤหัสบดีที่ ๑๗ กันยายน ๒๕๖๓ วันพระ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๐ ??? พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ #ไม่พบไม่ใช่ไม่มี หลายอย่างเรายังไม่เห็น ก็ไม่ใช่ว่าไม่มี พระนิพพานเรายังไม่เห็นใช่ไหม?..แต่พระนิพพานมี กิเลสก็เหมือนโควิด ตรวจพบบ้าง ไม่พบบ้าง ที่บอกว่าไม่พบกิเลส ไม่ใช่ว่าจะไม่มี เครื่องตรวจของเราดีหรือยัง?! สติของเราดีหรือยัง?! เครื่องตรวจไม่ดีเนี่ย มันก็มองเห็นกิเลส แต่ไม่รู้ว่าเป็นกิเลส เช่น ฟุ้งซ่านอยู่ นึกว่ากำลังบรรยายธรรม มีสภาวะอะไรเกิดขึ้นก็บรรยาย จิตเคลื่อน, จิตทำงานอย่างนั้นอย่างนี้ เสียงตัวเองดังอยู่ในใจ สภาวะจริง ๆ คือฟุ้งซ่าน แต่เครื่องตรวจบอกว่า “บรรยายธรรม” กำลังมีราคะ แต่เครื่องตรวจบอกว่าเป็นเมตตา อย่างนี้ใช้ไม่ได้ ต้องพัฒนาเครื่องตรวจคือสติ สตินั่นเองที่ยังไม่รู้จักสภาวะ บางทีเพ่งไปแล้ว เครื่องตรวจรายงานผลว่า “ตั้งมั่นแล้ว” จริง ๆ มันตั้งมั่นที่อารมณ์ ไม่ได้ตั้งมั่นที่จิต ตัวที่จะเห็นสภาวะได้ถูกต้องขึ้นอยู่กับองค์ประกอบสองฝ่าย ฝ่ายแรกคือตัวเราเองมีโยนิโสมนสิการ ว่ามีมากน้อยแค่ไหน อีกฝ่ายคือฝ่ายภายนอก (ปรโตโฆษะ)เสียงจากคนอื่นที่มาสอนเรา คนแรกคือ พระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่รู้ก่อน คนที่รู้ตามก็เป็นพระสาวก(อนุพุทธ) ที่บอกต่อ ๆ กันมาก็เป็นครูบาอาจารย์ ตัวสำคัญคือโยนิโสมนสิการ แปลงจากจิตเดิม ๆ ที่คุ้นเคยในการส่งออก กลายค่ามาเป็นเห็นสภาวะให้ได้ บางทีเราเล่นโทรศัพท์เหมือนยังไม่เห็นกิเลสเลยแต่กิเลสเกิดขึ้นอยู่ เมื่อตากระทบรูป หูกระทบเสียง เกิดความผิดปกติอะไรสังเกตให้ได้ มันเป็นบุญหรือบาป กุศลหรืออกุศล ดูสภาวะอย่าให้มันหลอกลวงเราว่าอันนี้เป็นกุศล ทั้ง ๆ ที่มันเป็นอกุศล ทุกข์มีอยู่แต่ไม่เห็น แล้วจะดับทุกข์ได้อย่างไร? กิเลสมีอยู่แต่ไม่เห็น แล้วจะดับกิเลสได้อย่างไร? ถ้าไม่เห็นกิเลส แล้วเวลามีกิเลสขึ้นมาก็มองว่า.. “ฉันเป็นอย่างนั้น อย่างนี้” ก็ไม่พ้นจากสักกายทิฏฐิไปได้ คำว่า”เรา”ไม่ใช่ว่ามีอยู่ มันเป็นแค่ทิฏฐิคือความเห็น กิเลสที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ก็เกิดมาจากการที่คิดว่ามี “เรา” แล้วพยายามปกป้อง หรือสนองความต้องการของเรา ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากการบรรรยายธรรม เรื่อง “ไม่พบไม่ใช่ไม่มี” ณ วัดอินทาราม ๖ กันยายน ๒๕๖๓ ลิงค์แสดงธรรม https://bit.ly/32it3X7

อ่านต่อ