วันอังคารที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๖๓ วันพระ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๙ ??? พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ #ผูกโกรธ ผูกโกรธ เป็นความโกรธแบบไม่ยอมสลัดทิ้ง ออกแนว “จองเวร” เช่น ผูกอาฆาตเอาไว้ว่า.. “เจอกันเมื่อไหร่ ชาติไหนก็ตาม ฉันจะทำร้ายเธอ ฉันจะเอาคืน” ชาตินี้ล้างแค้นไม่ได้ ก็ทำใจผูกโกรธเอาไว้ เหมือนอดีตชาติของพระเทวทัต ตอนเป็นพ่อค้า โกรธเพื่อนพ่อค้าด้วยกันที่เป็นพระโพธิสัตว์ ไล่ตามไม่ทัน ถึงหาดทรายก็กำทรายขึ้นมา ประกาศว่าจะล้างแค้นตลอดทุกชาติ เท่าจำนวนเม็ดทรายในกำมือนี้ นี่ยังดีนะ ถ้าบอกว่าทุกชาติไป นี่ลำบาก ทุกชาติไปนี่ไม่ไหวเลย มันไม่มีจุดจบเลย กำทรายขึ้นมานี่ เม็ดทรายมากมายก็จริง แต่ยังมีจุดจบนะ! ถึงอย่างนั้นก็ไม่ควรเอาอย่างนะ ไม่ต้องทำตาม คนที่ผูกโกรธน่ะ..น่าเห็นใจนะ บางทีก็ถูกทำร้ายก่อน แต่ถึงแม้ว่าจะถูกทำร้ายก่อน ถ้าเราเอาแต่ผูกโกรธนะ ไอ้คนที่ทำร้ายเราน่ะ เขาก็ไม่ได้เลวไปเสียทุกเรื่อง หรือไม่ได้ทำเลวทุกชาติ ชาติอื่นๆ ต่อๆ ไป เขาอาจจะพัฒนาตัวเองกลายเป็นคนดีขึ้นมาก็ได้ แล้วอาจจะดีประเสริฐ ถึงขั้นพระอรหันต์แล้วก็มี หากเรามัวแต่ผูกโกรธไปเรื่อย เราก็กลายเป็นผู้ผิดที่น่าสงสาร ผิดเพราะผูกโกรธนี่แหละ ถึงแม้ชาติที่เราถูกกระทำนั้นเราน่าเห็นใจก็จริง แต่ความผูกโกรธเป็นอุปกิเลสของเรา เขาทำบาปก็เป็นบาปของเขา ถึงแม้เราไม่โกรธ เขาก็ตกนรกอยู่แล้ว ความผูกโกรธมันจึงไม่จำเป็น ธรรมเทศนาโดย พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล คัดลอกจากหนังสืออุปกิเลส ๑๖ (หน้า ๔๙-๕๐)

อ่านต่อ