วันอังคารที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๖๕ วันพระ แรม ๑๔ ค่ำ เดือนเจ็ด(๗) ปีขาล พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ #ผู้มีทิฏฐิสมบูรณ์ ไอ้ตัวที่ทำให้ติดหนึบ, แน่น, นาน อีกตัวหนึ่งที่น่ากลัว ก็คือ.. ทิฏฐิ! ทิฏฐิที่เป็น “มิจฉาทิฏฐิ” ดังนั้นทิฏฐิ.. จึงเป็นตัวกาวอันเหนียวแน่น ที่ทำให้ “จิตเรา” ไปไหนไม่รอด!! เพราะว่าถ้าทิฏฐิ มันเป็น “มิจฉาทิฏฐิ” มันจะคิดว่า.. จิตนี้เที่ยง คิดว่า.. จิตนี้เป็นเรา ถ้าคิดอย่างนี้เนี่ยนะ.. มันไปไหนไม่รอด! ตัวสำคัญเลยที่ พระพุทธเจ้ามาสอน ให้ชาวพุทธ “พ้น” หรือว่า อยู่ในกระแสที่จะพ้น ก็คือ.. ทำให้เกิด “สัมมาทิฏฐิ” รู้ว่ากายนี้ ใจนี้.. ไม่ใช่เรา เห็นว่าขันธ์ห้า.. เป็นขันธ์ห้า ไม่ใช่เรา เห็นว่า.. กาย คือ กาย เห็นว่า.. เวทนา คือ เวทนา เห็นว่า.. จิต คือ จิต เห็นว่า.. ธรรม.. ธรรมะทั้งหลายทั้งปวงเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา อยู่ที่ไหนเลย มันต้องเห็นขนาดนี้! พอเห็นขนาดนี้แล้ว อย่างน้อยๆ เป็น “พระโสดาบัน” แปลว่า.. เข้ากระแส สู่พระนิพพาน คือ มีสัมมาทิฏฐิ ที่สำคัญ เห็นว่า.. กายนี้ ใจนี้ หรือขันธ์ห้า ทั้งหมดทั้งปวงนี้ “ไม่ใช่เรา” แค่นี้.. พระองค์ก็ตรัสเรียก บุคคลประเภทนี้ว่า.. เป็นผู้มีทิฏฐิสมบูรณ์ แต่ถ้ายังไม่เห็นอย่างนี้ ตัวทิฏฐิที่ยัง เห็นผิดๆ มันจะพาวนเวียนอยู่ในสังสารวัฏ พระองค์ จึงตรัสเปรียบเทียบ บุคคลผู้เป็น “พระโสดาบัน” ว่า เป็นผู้มีความประเสริฐ ยิ่งกว่าพระเจ้าจักรพรรดิ พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากรายการ คลิกใจให้ธรรม ตอน “มงคลสูตร คาถาที่ ๑๐ จิตที่พ้นภัย” ออกอากาศวันที่ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๕ ลิงค์รายการ https://youtu.be/wogR_1XsEjU (นาที 26:48 – 28:45)

อ่านต่อ