วันพฤหัสบดีที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๖๕ วันพระ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือนอ้าย(๑) ปีขาล พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ #เห็นแล้วเห็นอีก ขั้นตอนในการเห็นไตรลักษณ์เนี่ย มันต้องเห็นแล้ว.. เห็นอีก! เห็นแล้ว.. เห็นอีก!! เมื่อก่อนนี่นะ เข้าใจว่า.. ถ้าเห็นไตรลักษณ์สักครั้งหนึ่งแล้วนะ น่าจะบรรลุมรรคผลได้ แต่พอมาภาวนาจริงๆ มันไม่ใช่! มันต้องเห็นแล้ว.. เห็นอีก! เห็นแล้ว.. เห็นอีก!! เห็นจน.. ไม่ยินดี-ยินร้ายกับสิ่งที่ปรากฏ แรกๆ นี่นะ เวลาเห็นไตรลักษณ์ขึ้นมาที.. มันตื่นเต้น! เห็นไตรลักษณ์นะ! โอ้! อย่างนี้ก็มีหรือ? โอ้! มันเกิด-ดับ ประมาณนี้ ‘เฮ้ย! เห็นร่างกาย.. เฮ้ย! มันไม่ใช่เรานี่’ อะไรแบบนี้ เห็นไตรลักษณ์ของร่างกาย.. ไม่ใช่เรา! มันตื่นเต้น! บางทีทำใจไม่ได้นะ บางคนใจสั่นเลยนะ คล้ายๆ กับว่า.. ความเป็นเราเนี่ย ถูกสั่นสะเทือน ถูกสั่นคลอน มันก็จะสะเทือนใจ สะเทือนใจในแง่ว่า.. ‘ความเป็นเราจะต้องสูญสลายไปแล้วเหรอ? เรามีตั้งแต่เกิดมา ตอนนี้มันจะไม่มีเราแล้วเหรอ?’ อะไรประมาณนี้ มันจะสะเทือนใจ เพราะความจริงปรากฏ.. ถูกแฉ! ถูกแฉว่า.. ที่เคยเข้าใจว่า”มีเรา” มันไม่ใช่! ไม่ใช่!! คุณเข้าใจผิด!!! อะไรประมาณนี้ มันสะเทือนใจ! มันต้องเห็นแล้ว.. เห็นอีก! เห็นแล้ว.. เห็นอีก! จนใจเป็น”อุเบกขา” เป็นอุเบกขากับ “การเห็น” เห็นแล้ว.. ซ้ำแล้ว.. ซ้ำอีก! ซ้ำแล้ว.. ซ้ำอีก!! ตอนที่บรรลุมรรคผลจริงๆ เนี่ย มันจะเห็นซ้ำๆ กัน ต่อเนื่องกัน คนส่วนใหญ่.. ถ้าตอนนี้เห็นไตรลักษณ์ได้ จะเห็นแค่.. แว๊บหนึ่ง! ทีละแว๊บ! ทีละแว๊บ! ดังนั้นงานของเราคือ.. ทำให้เห็นถี่ๆ บ่อยๆ ก็คือ..ทำบ่อยๆ พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากการบรรยายธรรม บ้านสติ วันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๖๕ ลิงค์รายการ https://www.youtube.com/watch?v=LqlqWOyXbXs&t=1833s (นาทีที่ 31:13 – 33:12)

อ่านต่อ