ถาม : การที่เรามีใจจดจ่อ อยากฟัง (ซีดีธรรมะ) ทุกวัน เเละรู้สึกมีความสุขในการฟังธรรม ถือว่าเกิดราคะ คือความอยาก หรือไม่ค่ะ?
ตอบ : เราก็มาดูว่า ที่ว่า”อยาก”นั้น.. ขณะนั้นสภาวะในใจเราเป็นอย่างไร
ถ้าเป็นราคะ :-
๑. ราคะ จะมีลักษณะ”ยึดอารมณ์”
๒. ราคะ ทำหน้าที่ให้จิตติดหนึบในอารมณ์
๓. เราจะสังเกตได้จากการที่เราไม่อยาก
“จาคะ” อารมณ์นั้น
(ไม่อยากสละอารมณ์นั้น จาคะ=สละ)
๔. ราคะ มีอารมณ์ที่น่าพอใจเป็นเหตุใกล้ให้เกิด
สี่ข้อนี้ ราคะ กับ โลภะ จะเหมือนกัน ใช้แทนกันได้
และสี่ข้อเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องรู้ให้ครบหมดทั้งสี่ข้อนะ
อันนี้ว่าไปตามตำรา
แต่คำว่า”อยาก” ในภาษาไทย มีความหมายกว้างมาก
อาจจะเป็น “ฉันทะ” ก็ได้
ถ้าเป็นฉันทะ :-
๑. มีความปรารถนาเพื่อจะทำ (เช่นในที่นี้ ปรารถนาจะฟัง)
๒. ทำหน้าที่แสวงหาอารมณ์ (เช่นในที่นี้ แสวงหาซีดี)
๓. ผลจากการมีฉันทะ ก็จะทำให้มีความปรารถนาอารมณ์ด้วย
(เช่นในที่นี้ ก็ปรารถนาซีดี ปรารถนาเสียงบรรยายธรรมะ)
๔. มีอารมณ์ที่สามารถสนองความปรารถนานั้น เป็นเหตุใกล้ให้เกิด”อยาก”ที่เป็นตัณหาก็มี
ตัณหาจะอยากได้ผล แต่ขี้เกียจทำเหตุ เป็นอกุศล
แต่ฉันทะจะพอใจที่จะทำเหตุ ส่วนผลจะได้หรือไม่ ก็เป็นไปตามเหตุที่ทำ
เราก็หัดสังเกตดูสภาวะในใจ ว่าเป็นแบบไหน
บางทีก็สลับกันไปมาระหว่างกุศลกับอกุศล
– อยากฟังแล้วบรรลุเลย ไม่ต้องปฏิบัติ.. ก็เป็นตัณหา
– ฟังแล้วหลงเสียง ฟังแล้วเคลิ้ม.. ก็เป็นราคะ
– ฟังเพื่อศึกษา ฟังเพื่อให้ได้วิธีปฏิบัติ.. ก็เป็นฉันทะ
– ฟังแล้วเข้าใจ.. ก็เป็นกุศล เป็นปัญญาไปตามลำดับ
– ฟังแล้วภูมิใจว่าเราก็เก่งนะเนี่ย .. ก็เป็นมานะ
– ฟังไม่รู้เรื่องเลย เพราะมัวแต่คุย .. อันนี้ฟุ้งซ่าน!
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากตอบโจทย์บนนิมฺมโลเพจ
วันที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๘