เคยนั่งสมาธิแบบทำเอง อยากจับตัวเองนั่งนิ่ง ๆ แค่วันละ 10-15 นาทีต่อวัน

ถาม : เคยนั่งสมาธิแบบทำเอง
อยากจับตัวเองนั่งนิ่ง ๆ แค่วันละ 10-15 นาทีต่อวัน
โดยมีคำภาวนาว่า “พุทโธ” ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไร
พอเวลาผ่านไปประมาณ 2 อาทิตย์ บางวันเริ่มมีอาการนั่งแล้วก็มืดยิ่งกว่าหลับตา
แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็นั่งดูความมืด

หรือบางวันก็สว่างมาก ๆ จนรู้สึกว่าแสบตา ก็นั่งเฉย ๆ ไม่ได้คิดอะไร
แต่พอนั่งไปเรื่อย ๆ เริ่มมีอาการเหมือนขนหัวลุก ก็ไม่ได้สนใจอะไรก็นั่งเฉย ๆ
หลังจากที่นั่งไปเรื่อย ๆ ประมาณ 1 เดือน ก็จะเริ่มมีอาการขนหัวลุก ตัวเย็น และก็เริ่มเหมือนตัวหาย
แต่เหมือนมีอย่างเดียวคือ จิตที่รู้ว่าตัวมันหาย ก็นั่งดูเฉย ๆ
แต่พอสักพัก เหมือนจิตเราโดนดึงแบบแรง ๆ (เหมือนเราจะวูบ แต่พอดูแล้วเราก็ไม่ได้หลับ)
พอถึงตอนนี้ก็จะถอนสมาธิ เพราะกลัว (ในใจก็กลัวผี) ก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรต่อ
ฝากถามพระอาจารย์ว่า ควรจะปฏิบัติต่อไหมหรือยังไงต่อ ช่วยชี้แนะด้วยค่ะ

ตอบ : หลักของการปฏิบัติที่ครูบาอาจารย์สอนไว้ สามารถนำมาใช้ได้ในช่วงนี้ คือ
“มีสติรู้กายรู้ใจ ตามความเป็นจริง ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง”
ขณะที่รู้ “สว่าง”- รู้ “มืด” ขณะนั้นกำลังรู้ “อารมณ์”
ก็กลับมารู้ที่ “จิต” บ้าง เป็นระยะ ๆ
จะเรียกว่ากลับมาที่ “รู้สึก” ก็ได้
เพื่อไม่ให้กลายเป็น “จิตไหลไปหาอารมณ์” อย่างเดียว
ขณะที่รู้ “ขนหัวลุก – ตัวเย็น” ขณะนั้นก็กำลังรู้ “อารมณ์” เช่นกัน
ก็กลับมารู้ที่ “จิต” บ้าง ว่ามียินดี – ยินร้ายหรือไม่

ถ้าตัวหาย แล้วมีจิตผู้รู้อยู่ ก็ใช้ได้
พอออกจากสมาธิมา จะรู้สึกได้ชัดเจนว่า กายกับใจ เป็นคนละส่วนกันจริง ๆ
พอกลัวผี ก็เป็นธรรมดาที่จะออกจากสมาธิ
เพราะต้องคิดก่อน จึงจะกลัว
พอคิดเรื่องผี..จิตก็ฟุ้งซ่านแล้ว ซึ่งเราก็ห้ามไม่ได้
กลัว ก็รู้ว่ากลัว เสียดาย ก็รู้ว่าเสียดาย
มีอะไรปรากฏ ก็รู้ไปตามนั้น
โดยไม่ต้องรอดักดู ว่าจะมีอะไรปรากฏขึ้นมาอีก
จิตไหลไปหาอารมณ์ ก็รู้ทัน
รู้แล้วมียินดี – ยินร้าย ก็รู้ซ้ำลงไปอีก
ก่อนดู ไม่ดักดู ขณะดู ไม่ถลำไปดู
ดูแล้วใจไม่เป็นกลาง คือมียินดี – ยินร้าย ก็รู้ทัน

พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากตอบโจทย์บนนิมฺมโลเพจ
วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๕๙