ถาม : ดิฉันเคยปฏิบัติแบบดูลมหายใจ
ที่ปลายจมูก นั่งสมาธินานหลายชั่วโมง ดูความรู้สึกทางกาย จนตอนหลังเริ่มรู้สึก
ปวดกลางกระหม่อม ท้ายทอย ขมับ และตาด้านซ้าย เหมือนตาจะแตก จนไม่กล้านั่งสมาธิ
ได้ฟังพระอาจารย์ ก็เคยเป็นบ้างเหมือนกัน
ตอนนี้จึงเปลี่ยนมาเดินจงกรมทุกวัน ตามรู้จิต
จึงรู้ว่าตัวเองคงติดเพ่งมานาน เพราะยังเป็น ๆหาย ๆ บางครั้งก็ยังปวดมาก
พยายามบอกว่ามันเป็นแค่อาการทางกาย ที่จิตไปรับรู้ และไม่เที่ยง บางครั้งก็เหมือนจะหาย แต่เดี๋ยวก็มาอีก
ขอความกรุณาพระอาจารย์ให้คำแนะนำการปฏิบัติในแนวทางที่ถูกต้องด้วยค่ะ
ตอบ : อาการอย่างนี้มีสาเหตุมาจากว่าเรา “อยากดี” “อยากสงบ” “อยากนิ่ง”
ให้รู้ทัน “ความอยาก” อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เป็นแรงผลักดันให้เราปฏิบัติ
ความอยากเหล่านี้ เรียกรวม ๆ ว่า “ตัณหา”
ตัณหาเป็นสมุทัย คือเป็นเหตุแห่งทุกข์
ฉะนั้น เมื่อเราเริ่มปฏิบัติด้วยความอยาก
ผลจึงออกมาเป็นทุกข์ในรูปแบบต่าง ๆ อย่างที่โยมประสบมา เป็นต้น
ลองตั้งใจใหม่
“เราจะปฏิบัติเพื่อให้เกิด ‘ปัญญา’ รู้ความจริง”
ฉะนั้น จริง ๆ ใจขณะนี้เป็นอย่างไร ก็รู้ไปตามตรง
ดีก็ได้ ไม่ดีก็ได้
ดีก็รู้ ไม่ดีก็รู้ ..ซึ่งที่จริงแล้ว..ส่วนมากไม่ดี
เราก็แค่รู้
เมื่อก่อน เรายอมไม่ได้ ถ้าเห็นว่ามันไม่ดี..เราจะรีบ “จัดการ” ทันที
ไอ้ “จัดการ” นี่แหละ คือการแทรกแซง
พอแทรกแซง จะเกิดผลเสียอย่างน้อย ๒ แบบ คือ
๑. เพราะไม่ชอบจิตที่ไม่ดี จึงพยายามบังคับให้จิตดี
“จิตดี” ในความเข้าใจของเรา คือ จิตนิ่ง จิตสงบ
จิตไม่นิ่ง ก็บังคับให้นิ่ง
จิตไม่สงบ ก็บังคับให้สงบ
“เพ่ง” ก็คือบังคับนั่นแหละ
ผลของการบังคับ คือจิตเครียด
พอจิตเครียด ก็แสดงออกทางกาย เป็นปวดหัว ปวดตา ต่าง ๆ นานา
แท้ที่จริง ถ้าจิตได้อารมณ์ที่ชอบ ที่สบาย จิตจะสงบเอง
๒. ที่แทรกแซง ก็เพราะจิต “ไม่ยอมรับ” ความจริง
ความจริงคือตอนนี้ไม่ดี ก็รีบ “ทำ” ให้มันดี
แทนที่จะ “รู้” ไปตรง ๆ ว่า..ไม่ดี
ความจริงคือตอนนี้ไม่สงบ ก็รีบ “ทำ” ให้สงบ
แทนที่จะ “รู้” ไปตรง ๆ ว่า..ไม่สงบ
จิตจึงไม่เกิดปัญญาสักที
เพราะไม่ “รู้” มีแต่ “ทำ” นั่นเอง
สรุปคือ หาที่อยู่ให้จิต
ถ้าจิตมาอยู่ในที่อยู่ แล้วชอบ
จิตก็จะสงบเอง
ถ้าจิตมาอยู่ในที่อยู่ แล้ว
– จิตดิ้นรน ก็รู้
– จิตเคลื่อนไปหาอารมณ์อื่น ก็รู้
– จิตเผลอ ก็รู้
จิตแสดงความจริงใด ๆ ก็ยอมรับ และรู้ไปตามนั้น
รู้แล้วก็กลับมาที่ “ที่อยู่” อีก
เพื่อเรียนรู้ความจริงของจิตต่อไป
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากตอบโจทย์บนนิมฺมโลเพจ
วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๕๙