ตอนเราบริกรรมแล้วฟังธรรมไปด้วย ขันธ์ไหนทำงานบ้างครับ

ถาม : ตอนเราบริกรรมแล้วฟังธรรมไปด้วย ขันธ์ไหนทำงานบ้างครับ

ตอบ : ก็ทำงานอยู่ทุกขันธ์นั่นแหละ เพียงแต่ว่าจะเห็นหรือไม่
– กายนี้ ไม่ว่าจะอยู่ในอิริยาบถไหน ก็ชื่อว่า “รูปขันธ์” ทำงานอยู่ในอิริยาบถนั้น
– จิตทุกขณะ จะมีเวทนาเกิดร่วมด้วยเสมอ
ไม่ว่าจะเป็นสุข, ทุกข์, หรือไม่สุขไม่ทุกข์
ก็ชื่อว่า “เวทนาขันธ์” ทำงานอยู่ทุกขณะ

– จิตทุกขณะ จะมีสัญญาเกิดร่วมด้วยเสมอ
บางทีก็ทำงานในลักษณะจำ, บางทีก็หมายรู้, บางทีก็เป็นลักษณะคุ้นเคยในอารมณ์
ก็ชื่อว่า “สัญญาขันธ์” ทำงานอยู่ทุกขณะ
– ขณะที่เราบริกรรม เช่น “พุทโธ” ในใจ
ขณะนั้นก็ต้องมีการปรุงแต่งคำว่า “พุทโธ” ขึ้นมา
การปรุงแต่งนี้มีศัพท์เรียกว่า “สังขาร”
ขณะนั้นก็ชื่อว่า “สังขารขันธ์” กำลังทำงาน

– การรับรู้ทุก ๆ ขณะ ก็ต้องมีจิต
ขณะใดมีการรับรู้ทางตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ
ขณะนั้นก็ชื่อว่า “วิญญาณขันธ์” กำลังทำงาน
แต่เราไม่ต้องไปจงใจแยก
จะกลายเป็นฟุ้งซ่านไป
รู้ได้แค่ไหนก็รู้แค่นั้น ค่อยๆเรียนรู้ไป
เช่น
– บริกรรม “พุทโธ”
ขันธ์ก็ทำงานครบ
แต่เรารู้แค่ “พุทโธ” อย่างเดียว
ใจก็รวมอยู่กับคำว่า “พุทโธ”
ก็ยังไม่ได้เรียนรู้เรื่องการแยกขันธ์

– บริกรรม “พุทโธ”
แล้วใจลอย คิดนึกฟุ้งซ่านไป
ใจก็ไปรู้อยู่แต่เรื่องราวที่คิด
ขันธ์ก็ทำงานครบ
แต่ความรับรู้อยู่แต่เรื่องที่คิด
คิดจนชำนาญ แต่ไม่รู้การทำงานของใจตัวเอง
ก็ยังไม่ได้เรียนรู้เรื่องการแยกขันธ์

– บริกรรม “พุทโธ”
แล้วเกิดนิมิต
เห็นสวรรค์วิมาน
ขันธ์ก็ทำงานครบ
แต่ใจสนใจอยู่แต่ภาพนิมิตที่เห็น
เห็นสวรรค์ไปทั่ว แต่ไม่รู้ใจตัวเอง
ก็ยังไม่ได้เรียนรู้เรื่องการแยกขันธ์

– บริกรรม “พุทโธ”
แล้วรู้สึกว่า มี “ใจผู้รู้” อยู่ต่างหาก
คำว่า “พุทโธ” ก็ถูกรู้อยู่ต่างหาก
อย่างนี้ จิตเริ่มเรียนรู้ว่า
“ใจผู้รู้” เป็นส่วนหนึ่ง
ความปรุงแต่งเป็นคำว่า “พุทโธ” ก็เป็นส่วนหนึ่ง
อาจจะไม่มีคำว่า “วิญญาณขันธ์” หรือ “สังขารขันธ์” ก็ได้
แต่จิตเรียนรู้การแยกขันธ์แล้ว

– บริกรรม “พุทโธ” แล้วเผลอ
ไม่ว่าจะเป็นเผลอคิด เผลอดู เผลอฟัง ฯลฯ ก็เรียกว่าเผลอทั้งหมด
ถ้าเห็น “ความเผลอ” ที่ปรากฏ
จิตก็จะเรียนรู้ “สังขารขันธ์” ขึ้นมาอีก
“ความเผลอ” ทั้งหมด เป็นสังขารฝ่ายอกุศล
ดูไปบ่อยๆ ก็จะเห็น “สังขารขันธ์” ที่หลากหลาย
ทั้งกุศลและอกุศล

เผลออย่างเดียว ก็เป็นโมหะ
เผลอไปรัก ก็เป็นราคะ
เผลอไปเกลียด ก็เป็นโทสะ
เห็นความเผลอ ก็มีสติ
สติ ก็จัดอยู่ใน “สังขารขันธ์”
เป็นสังขารฝ่ายกุศล
ถ้าเห็นว่า “ความเผลอ” เป็นส่วนหนึ่ง ที่ถูกรู้อยู่
มีผู้รู้อยู่ต่างหาก
อย่างนี้ จิตก็เรียนรู้การแยกขันธ์แล้ว

– อาตมาสงสัยว่า
บริกรรมไปด้วย แล้วก็ฟังธรรมไปด้วย
แล้วจะฟังธรรมรู้เรื่องหรือ?
เพราะจิตทำงานได้ขณะละอย่าง
ขณะบริกรรม จิตก็ต้องนึกคำบริกรรม ก็ไม่ได้ฟังธรรม
ขณะฟังธรรม จิตก็ต้องสนใจเนื้อหาธรรมะ
ก็ไม่ได้นึกคำบริกรรม
ถ้าจะฟังธรรมก็กังวลเรื่องบริกรรม
แล้วรู้ทัน “ความกังวล”
ก็ใช้ได้
เดี๋ยวก็ฟังธรรม เดี๋ยวก็บริกรรม
ฟังธรรมไม่รู้เรื่อง..เกิดหงุดหงิด
แล้วรู้ทัน “ความหงุดหงิด” ก็ใช้ได้
แต่จะทำอะไรก็ทำสักอย่างหนึ่งดีกว่า

พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากตอบโจทย์บนนิมฺมโลเพจ
วันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๕๙