ถาม : การรู้รูปรู้นามคืออะไรคะ ?
นามคือจิต รูปเป็นสิ่งที่เรารับรู้สัมผัสใช่ไหมคะ ?
แล้วเราจะรู้รูปรู้นามยังไงคะ ?
ตอบ : รูป – นาม ที่พระพุทธเจ้าสอนให้เรารู้ ก็คือ รูป – นาม ที่ถูกยึดว่าเป็นเรา
กล่าวอย่างง่าย ๆ ก็คือ กายนี้ – ใจนี้
พระพุทธเจ้าสอนให้มองสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็นของมันอย่างนั้น
เป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ ที่ไม่มีสัตว์ บุคคล ตัวตน เราเขา
กายใจที่รวมเป็นชีวิตนี้ ถูกยึดว่าเป็นเรา
พระองค์ก็สอนให้เข้าใจว่า
มันเป็นการประชุมรวมกันของส่วนประกอบต่าง ๆ
ส่วนประกอบแต่ละอย่างก็ไม่มีเจ้าของ ไม่มีตัวตนของสิ่งนั้น
วิธีแยกส่วนประกอบของชีวิตนี้อย่างง่าย ๆ คือ แยกเป็น รูป กับ นาม
รูป คือ ร่างกาย และพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกาย
ส่วนหนึ่งรับรู้สัมผัสได้ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย
มีบางส่วนต้องใช้ใจรับรู้
นาม คือ สิ่งที่ไม่มีรูปร่าง
คือรู้ไม่ได้ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย
เป็นเรื่องของจิตใจ
โดยทั่วไปก็หมายถึงขันธ์ที่เป็นฝ่ายนามธรรม ๔ ขันธ์ ดังนี้คือ เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ
การรู้รูปรู้นาม.. ถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้าน ก็คือ รู้กายรู้ใจ นั่นเอง
เวลารู้กาย ก็ทำใจสบาย ๆ
อย่าไปคิดว่า ‘เอาล่ะ.. ฉันจะปฏิบัติธรรม !”
แต่แค่สังเกต หรือแค่รู้สึก ว่ากายนี้มันเคลื่อนไหว มันเดิน มันนั่ง มันขยับไปมา มันกลืนกิน มันขับถ่าย ฯลฯ
รู้สึกเหมือนหุ่นยนต์ตัวหนึ่ง ที่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด
เดี๋ยวอาหารเข้า เดี๋ยวอาหารออก เดี๋ยวลมเข้า เดี๋ยวลมออก ไม่ใช่สิ่งคงที่ถาวร
ดู ๆ ไป ก็จะช่วยให้เห็นความจริงว่า กายนี้ไม่ใช่เรา ไม่เป็นเรา
แล้วจะสังเกตได้ว่า ตอนที่รู้กาย ไม่ใช่มีแต่กาย
แต่ยังมีธรรมชาติอย่างหนึ่งที่เป็นผู้รู้กายด้วย
คือมี ใจที่เป็นผู้รู้ กับ กายที่ถูกรู้
ถ้ารู้สึกได้ถึงตรงนี้ ก็เรียกได้ว่า แยกรูปแยกนาม
บางคนไม่ถนัดดูกาย ก็มาดูใจ
เช่น หิวข้าวแล้วโมโหหิว โกรธคนข้าง ๆ ที่ทำให้ชักช้า
ก็มารู้ที่ความโกรธ จะเห็นว่าความโกรธก็ขึ้น ๆ ลง ๆ
บางทีดูไป ๆ ความโกรธก็ดับไปเอง
แต่ไม่ว่าจะดับหรือไม่ดับ ถ้าเห็นว่าความโกรธถูกรู้
ไม่มีเราในความโกรธ เห็นความโกรธ กับ ใจที่เป็นผู้รู้อยู่ต่างหาก
ถ้ารู้สึกได้ถึงตรงนี้ ก็เรียกได้ว่า แยกนามกับนาม
ก็เรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นกับใจอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ
ส่วนมากจะเห็นสิ่งที่เรียกว่ากิเลส
เช่น ราคะ โทสะ โมหะ ความฟุ้งซ่าน ความลังเล ความหดหู่ เป็นต้น
มีเกณฑ์ง่าย ๆ คือ
ถ้าลืมกายลืมใจ คือ หลง
ถ้าไม่เห็นรูปไม่เห็นนาม คือ ขาดสติ
ถ้าลำพังเห็นรูป หรือเห็นนาม อย่างเดียว ก็อยู่ในขั้นจิตตสิกขา คือมีสติ
ถ้าแยกรูปแยกนาม หรือแยกนามกับนาม
บางทีก็เรียกกันว่าแยกขันธ์
ก็อยู่ในขั้นปัญญาสิกขา คือเริ่มมีปัญญาแล้ว
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากตอบโจทย์บนนิมฺมโลเพจ
วันที่ 6 กรกฎาคม 2559