ถาม : มีเพื่อนชอบทำบุญ และบริจาคสิ่งของช่วยเหลือมาก
จนไม่มีเงินเก็บเลย แต่ระยะหลังลดลง
เพราะคิดเริ่มออม กลับโดนติงมาว่า ‘ไม่ให้เสียดายเงินที่ทำลงไป’
จึงสงสัยว่า.. ถ้าเรามีเงิน เราต้องทำบุญหมดเลยเหรอคะ ?
มันก็ขัดแย้งกับการไม่ให้สะสมทรัพย์
ในทางพระพุทธศาสนาหรือไม่
แค่ไหนถึงเรียกว่า.. เดินสายกลาง คะ ?
ตอบ : พระพุทธศาสนาไม่ได้ห้ามโยมสะสมทรัพย์นะ
ลองดูที่พระองค์สอนเรื่อง หลักการแบ่งทรัพย์ โดยจัดสรรเป็น ๔ ส่วน คือ
๑. ใช้จ่ายเลี้ยงตน เลี้ยงครอบครัว และทำประโยชน์ในชีวิตประจำวัน ๑ ส่วน
๒. ใช้ลงทุนประกอบการงาน ๒ ส่วน
๓. เก็บไว้ใช้ยามจำเป็น ๑ ส่วน
ธรรมหมวดนี้ ชื่อว่า “โภควิภาค ๔”
จะเห็นได้ว่า
ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ พระองค์ให้แบ่งไว้ ๑ ส่วน
การลงทุนในธุรกิจ หรือกิจการต่าง ๆ พระองค์ให้แบ่งไว้ถึง ๒ ส่วน หรือครึ่งหนึ่งเลย
และเผื่อฉุกเฉินอีก ๑ ส่วน
ไม่ใช่ใช้ให้หมด จนไม่มีเก็บ
ส่วนเงินที่จะทำบุญ พระองค์ก็ไม่ได้บอกให้ทุ่มทำให้เกลี้ยง
แต่สอนว่า..
อริยสาวกแสวงหาโภคทรัพย์มาได้ ด้วยน้ำพักน้ำแรงและความขยันหมั่นเพียร โดยสุจริตชอบธรรมแล้ว
ควรถือครองโภคทรัพย์นั้นเพื่อให้ได้ประโยชน์ ดังนี้
๑. เลี้ยงตัว บิดามารดา บุตรภรรยา และคนในปกครองทั้งหลาย ให้เป็นสุข
๒. บำรุงมิตรสหาย และผู้ร่วมกิจการงาน ให้เป็นสุข
๓. ใช้ป้องกันภยันตราย
๔. ทำพลี ๕ อย่าง คือ
ก. สงเคราะห์ญาติ
ข. ต้อนรับแขก
ค. ทำบุญอุทิศให้ผู้ล่วงลับ
ง. บำรุงราชการ ด้วยการเสียภาษีอากร เป็นต้น
จ. สักการะ บำรุง ถวายเทวดา
๕. บำรุงสมณพราหมณ์ผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบ
ธรรมหมวดนี้เรียกว่า “โภคาทิยะ ๕”
จะเห็นได้ว่า ทำบุญกับพระเพียงส่วนเดียว คือ ในข้อ ๕
สรุปว่า
– ทำบุญตามกำลัง
– ทำบุญกับผู้ปฏิบัติดีประพฤติชอบ
– ศรัทธาแล้วจึงทำ
– ทำแล้วตน ครอบครัว กิจการงาน ไม่เดือดร้อน
– ทำตามที่พระพุทธเจ้าสอน
ประมาณนี้
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากตอบโจทย์บนนิมฺมโลเพจ
วันที่ 25 กรกฎาคม 2559