เราเรียก “อริยสงฆ์” ในพระที่ปฏิบัติดีได้ไหม

ถาม : นมัสการเจ้าค่ะ… ถ้าเราเลื่อมใสพระองค์ใดที่ท่านปฏิบัติดี
เราเรียก “อริยสงฆ์” ได้ไหมเจ้าคะ

ตอบ : พระอริยสงฆ์ ไม่ได้ตัดสินว่าเป็นหรือไม่เป็นด้วยความเลื่อมใสของเรา
แต่ตัดสินกันที่จิตท่าน ว่าละสังโยชน์ไปได้มากน้อยแค่ไหน
สังโยชน์ คือ กิเลสที่ผูกมัดใจสัตว์, ธรรมที่มัดสัตว์ไว้กับทุกข์ มี 10 อย่าง คือ

ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องต่ำ 5 ได้แก่

1. สักกายทิฐิ – มีความเห็นว่าร่างกายนี้เป็นของเรา
2. วิจิกิจฉา – มีความสงสัยในคุณของพระรัตนตรัย คือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
3. สีลัพพตปรามาส – ความถือมั่นศีลพรต โดยสักว่าทำตาม ๆ กันไปอย่างงมงาย เห็นว่าจะบริสุทธิ์หลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและวัตร หรือนำศีลและพรตไปใช้เพื่อเหตุผลอื่น ไม่ใช่เพื่อเป็นปัจจัยแก่การสิ้นกิเลส เช่นการถือศีลเพื่อเอาไว้ข่มไว้ด่าคนอื่น การถือศีลเพราะอยากได้ลาภสักการะเป็นต้น ซึ่งรวมถึงความเชื่อถือในพิธีกรรมที่งมงายด้วย

4. กามราคะ – มีความติดใจในกามคุณ
5. ปฏิฆะ – มีความกระทบกระทั่งในใจ

ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ สังโยชน์เบื้องสูง 5 ได้แก่

6. รูปราคะ – มีความติดใจในวัตถุหรือรูปฌาน
7. อรูปราคะ – มีความติดใจในอรูปฌานหรือความพอใจในนามธรรมทั้งหลาย
8. มานะ – มีความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนหรือคุณสมบัติของตน
9. อุทธัจจะ – มีความฟุ้งซ่าน
10. อวิชชา – มีความไม่รู้จริง

พระโสดาบัน ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้ คือ หมดสักกายทิฐิ, วิจิกิจฉา และสีลัพพตปรามาส
พระสกทาคามี ละสังโยชน์ 3 ข้อต้นได้ และทำสังโยชน์ข้อ 4 และ 5 คือ กามราคะและปฏิฆะ ให้เบาบางลงด้วย
พระอนาคามี ละสังโยชน์ 5 ข้อแรกได้หมด
พระอรหันต์ ละสังโยชน์ทั้ง 10 ข้อ

พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากตอบโจทย์บนนิมฺมโลเพจ
วันที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๙