จะ “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” มีผลอย่างไรทางธรรม ?

ถาม : อยากเรียนถามว่า การที่มีผู้เขียนว่าจะ “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” นี้
มีผลอย่างไรหรือไม่ในทางธรรม ?

คือ แต่ละบุคคลย่อมทำบุญกุศล และกรรม ต่างกรรมต่างวาระกัน

พระองค์ท่านมีบุญบารมีมากล้น ในขณะที่คนธรรมดาอาจมีบุญบ้างกรรมบ้าง
ดังนั้นการที่ประสงค์ “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” จะเป็นไปได้อย่างไรหรือไม่ครับ ?
และมีความเหมาะสมหรือไม่ครับ ?

ตอบ : ถ้าผู้ที่เขียนหรือกล่าวอย่างนั้น เขียนหรือกล่าวด้วยความตั้งใจจริง ก็ยอมมีผล
เป็นที่ยอมรับกันว่า พระองค์มีบุญบารมีมากล้น
ก็เป็นความจำเป็นของผู้ที่ประสงค์ “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” นั้น ต้องสร้างบุญบารมีให้มาก

เพื่อจะได้รับโอกาสเกิดเป็นข้ารองบาทพระองค์ได้ทันตามประสงค์
ครูบาอาจารย์ที่อาตมาเชื่อว่าเป็นผู้มีปรีชาหยั่งรู้
กล่าวตรงกันว่า

พระองค์เป็นพระโพธิสัตว์
หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ระบุด้วยว่า
“.. พระองค์เคยเกิดเป็นช้างป่าเลไลก์..”
ซึ่งในคัมภีร์อนาคตวงศ์กล่าวว่า จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า ‘พระสุมังคลสัมพุทธเจ้า’

หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ ให้รายละเอียดอีกว่า
“.. พระองค์ทรงมีกระแสจิตแรงมาก
ฉันเองยังสู้ท่านไม่ได้”
เรื่องปรารถนาพุทธภูมินี่ พระองค์ (ในหลวง ร.๙) ปรารถนามานาน

แต่เวลานี้บารมีเป็น ‘ปรมัตถบารมี’
เหลืออีก ๕ ชาติ
และที่พระองค์ปฏิบัติมามันเลยแล้ว ไม่ใช่ไม่สำเร็จ
พุทธภูมินี่ต้องบำเพ็ญกันมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระองค์เป็น ‘วิริยาธิกะ’
ต้องบำเพ็ญถึง ๑๖ อสงไขยกำไรแสนกัป
นี่เกิน ๑๖ อสงไขยแล้ว

‘แสนกัป’ อาจยังไม่ครบ จึงต้องเกิดอีก ๕ ชาติ ..”
แม้ไม่ต้องอ้างคำของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ

เรื่องที่พระองค์ทรงงานด้วยความวิริยะอย่างยิ่งนี้
เป็นสิ่งพวกเราชาวไทยซาบซึ้งใจกันดี

ฉะนั้น ขอเสนอสิ่งที่พึงตระหนักบางประการ ของผู้ประสงค์ “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” คือ
๑. แสดง “ความรักจริง”
ด้วยการนำพระบรมราโชวาทมาทบทวน

เพื่อปฏิบัติให้เกิดผลจริง
พระบรมราโชวาทมีมากมาย
เลือกมาทำจริง ๆ แม้เพียงเรื่องเดียว ก็ย่อมได้ประโยชน์ใหญ่หลวงกับชีวิตและสังคม

เช่น หลักเศรษฐกิจพอเพียง
เราก็มาร่วมกันประหยัด ใช้ชีวิตเรียบง่าย
พึ่งตนเองให้ได้ พึ่งคนอื่นให้น้อย

แสดงความรักความศรัทธาด้วยการปฏิบัติตาม
เหมือนพระสงฆ์สาวกทั้งหลาย
ที่แสดงออกซึ่งความศรัทธาในพระพุทธองค์
ด้วยการปฏิบัติดี ปฏิบัติตรง เป็นต้น

พระสงฆ์สาวกเหล่านั้นจึงตามเสด็จพระศาสดา
ไปสู่ทางพ้นทุกข์ได้

๒. เผื่อแผ่แบ่งปัน ช่วยเหลือผู้อื่นที่ยังทุกข์ เดือดร้อน
พระองค์บุกป่าฝ่าดง ไปช่วยเหลือพสกนิกรในถิ่นกันดาร ด้วยน้ำพระทัยที่เปี่ยมไปด้วยพระมหากรุณา
เป็นพระราชาที่ไม่ติดในความหรูหรา
ทำงานตลอด ๗๐ พรรษา ไม่เคยทอดทิ้งประชาชน
ข้ารองบาททั้งหลาย ก็ไม่ทอดทิ้งกัน

๓. ใช้หลักการทรงงาน “รู้ รัก สามัคคี”
จะทำอะไร ให้หาข้อมูล จนรู้จริงในสิ่งนั้น
พระองค์เสด็จไปหาแหล่งน้ำให้ประชาชน
ลงพื้นที่จริง หาข้อมูลจริง ๆ กับคนในพื้นที่
บางครั้งราษฎรไม่ทันเตรียมตัว ก็มาเข้าเฝ้าถวายข้อมูลทั้งที่ยังนุ่งเพียงผ้าขาวม้าก็มี

ทำงานด้วยความมุ่งดีต่อกัน
และมีใจรักงาน
ดังที่เคยรับสั่งว่า
“.. ต้องทำหน้าที่เพื่อหน้าที่
มิใช่ทำเพื่อหวังผลประโยชน์..
ผลประโยชน์โดยสมบูรณ์ของงาน
ก็เป็นรางวัลสูงสุดอยู่แล้ว..”

การทำงานต่าง ๆ ก็ย่อมมีปัญหาและข้อขัดแย้งบ้าง
การขัดแย้ง ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
ถ้ายังอยู่บนหลักการของความสามัคคี
เหมือนผ้าที่ทอมาเป็นผืน
เส้นด้ายทั้งหลายต้องขัดกัน

มีทั้งแนวตั้งแนวนอน
แต่ขัดกันอย่างมีระเบียบ และสามัคคี
ทุกคนทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์
เข้าใจหน้าที่กันและกัน
ไม่ติดในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วมาพลอยเสียเรื่องใหญ่
ไม่อาฆาตจองเวร ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม
ถนอมน้ำใจกัน ให้อภัยกัน

ประเดี๋ยวไปไม่ทันพระองค์
มัวแต่ตกนรกอยู่แถวนี้นี่เอง

๔. เพราะในหลวง ร.๙ ปรารถนาพุทธภูมิ มุ่งตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต
เราจึงจะต้องใส่ใจคำสอนของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันด้วย
เพราะพระพุทธเจ้าทุกพระองค์.. สอนเรื่องเดียวกัน
คือเรื่องทุกข์
เหตุให้เกิดทุกข์
ความพ้นทุกข์
และข้อปฏิบัติให้ถึงความพ้นทุกข์

ศึกษาแล้วนำมาปฏิบัติ ทั้งสมถะและวิปัสสนา ให้เต็มความสามารถ
ช่วงที่พระองค์ทรงงานหนัก แต่ก็ยังมีเวลาภาวนา
และภาวนาได้ผลดีด้วย
พวกเราไม่น่าจะมีใครงานหนักเกินท่าน
ฉะนั้น ก็ไม่น่าจะมีข้ออ้างว่าไม่มีเวลา
ไม่ต้องกลัวว่าจะบรรลุธรรมไปก่อน

เพราะถึงอย่างไร ความประสงค์ “ขอเป็นข้ารองบาททุกชาติไป” ก็จะกระตุ้นเตือนใจให้ยั้งรอไว้
๕. เมื่อพระองค์ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว
ชาตินั้นย่อมเป็นชาติสุดท้าย
และจะไม่ปรากฏพระบาทให้เราได้รองต่อไปอีก
เหลือเพียงพระธรรมให้เราได้เข้าถึงเท่านั้น
จึงควรทำความคุ้นเคยกับพระธรรมนับแต่บัดนี้

สรุปว่า ไม่เป็นเรื่องเสียหายถ้าจะตั้งใจเช่นนั้น
แต่พึงตระหนักใน ๕ ประเด็นดังกล่าว
อย่างน้อย ๆ ..
สังสารวัฏก็ไม่ยืดยาวจนไร้จุดหมาย

พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากตอบโจทย์บนนิมฺมโลเพจ
วันที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๙