ถาม: มีผู้กราบเรียนถามพระอาจารย์ว่า..
“พสกนิกร รักและอาลัยต่อในหลวง ตอนนี้จิตใจเคว้งคว้าง ไร้หลักที่พึ่งพิง
กราบเรียนขอคำแนะนำการวางจิตใจ ของพสกนิกร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง.. นักภาวนา”
ตอบ : ครูบาอาจารย์เคยเล่าให้ฟัง
ตอนหลวงปู่ยังมีชีวิตอยู่ รู้สึกว่าท่านอยู่ไกล
นาน ๆ จึงจะมีโอกาสไปกราบท่านสักที
พอหลวงปู่มรณภาพ กลับรู้สึกว่าอยู่ในสายตาท่านตลอดเวลา ไม่กล้าขี้เกียจเลย
อาตมาเชื่อว่า ตอนนี้..
เราอยู่ในสายพระเนตรของพระองค์ง่ายกว่าเดิมอีก
เราก็ต้องทำดีทันที เดี๋ยวนี้เลย !
ให้พระองค์ทอดพระเนตรมาเมื่อไร ก็ปลอดโปร่งใจ
ที่เห็นคนไทยครองสติได้
เป็นบุญของพวกเราจริง ๆ ที่ได้เกิดมาร่วมสมัยกับพระองค์
มาเป็นพสกนิกรของกษัตริย์ที่สุดประเสริฐ
สุดปัญญาที่บรรยายให้ทั่วถ้วน
ในส่วนพระคุณของพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ พระองค์นี้
ถ้าจะแสดงความภักดี
ก็ให้นึกถึงหลักทรงงาน ให้มาเป็นแรงบันดาลใจกับเรา
เช่น
เคยรับสั่งว่า “ต้องทำหน้าที่เพื่อหน้าที่ มิใช่ทำเพื่อหวังผลประโยชน์..
ผลประโยชน์โดยสมบูรณ์ของงาน ก็เป็นรางวัลสูงสุดอยู่แล้ว”
เราก็ทำงานให้ซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อหน้าที่การงาน
ทำงานที่สุจริต
เวลาทำก็สนุกที่จะทำและเต็มใจทำ
สังเกตได้ว่า เรามักจะเห็นรอยยิ้มของพระองค์
ก็ตอนทรงงานอยู่กับราษฎร
เราก็ให้มีความสุขกับการทำงานของเรา
ยิ่งงานที่มีประโยชน์ต่อคนหมู่มาก
ก็ยิ่งสุขมาก
สำหรับนักภาวนา
ก็เรียนหลักมามากแล้ว
ก็มีงานที่เหลือคือ นำไปทำ
และทำทันที
แม้จะทุกข์โศก ก็รู้สึกตัวไว ๆ
ไม่ปล่อยใจให้ถลำไปกับอกุศลนาน
งานกรรมฐานก็ทำได้ไม่เว้น แม้ในกรณีนี้
ก็ขอให้มีพระองค์เป็นแรงบันดาลใจ
ทำหน้าที่ของคนไทย
ทำหน้าที่ของพ่อแม่
ทำหน้าที่ของลูก
ทำหน้าที่ของข้าราชการ
ทำหน้าที่ของประชาชน
ทำหน้าที่ของพระ
ทำหน้าที่ของโยม
ทำหน้าที่ของชาวพุทธ
อุทิศถวายรางวัลอันสูงสุดที่เรามี
คือผลงานในหน้าที่ที่สมบูรณ์ แด่พระองค์
มองขึ้นฟ้า ก็แน่ใจได้ว่า พระองค์กำลังยิ้ม..
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากตอบโจทย์บนนิมฺมโลเพจ
วันที่ ๑๔ ตุลาคม ๒๕๕๙