ถาม : อยากถามเรื่องโอวาทปาติโมกข์ค่ะ
มีข้อสงสัยว่า ในข้อที่ว่า “ทำกุศลให้ถึงพร้อม” นั้น
สำหรับปุถุชนแล้ว ทำกุศลอย่างไร แค่ไหนจึงจะเรียกว่าถึงพร้อมคะ ?
ตอบ : ตามหลักแล้ว คำว่า “ทำกุศลให้ถึงพร้อม” ท่านมักจะหมายเอา “กุศลกรรมบถ ๑๐”
อันได้แก่
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากการทำลายชีวิต – มีเมตตากรุณาช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ช่วยชีวิตกัน
๒. อทินนาทานา เวรมณี เว้นจากการถือเอาของที่เขามิได้ให้ – เคารพกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น
๓. กาเมสุมิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากประพฤติผิดในกาม – ไม่ล่วงละเมิดประเวณีทางเพศ
๔. มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากพูดเท็จ – ไม่ยอมกล่าวเท็จเพราะเหตุตนเอง ผู้อื่น หรือเพราะเห็นแก่ประโยชน์ใด ๆ
๕. ปิสุณายะ วาจายะ เวรมณี เว้นจากพูดส่อเสียด – พูดถ้อยคำที่สร้างสามัคคี
๖. ผรุสายะ วาจายะ เวรมณี เว้นจากพูดคำหยาบ – พูดคำสุภาพอ่อนหวาน
๗. สัมผัปปลาปา เวรมณี เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ – พูดเรื่องที่มีสาระ มีประโยชน์ มีเหตุผล ถูกกาลเทศะ
๘. อนภิชฌา ไม่โลภคอยจ้องอยากได้ของเขา
๙. อพยาบาท ไม่คิดร้ายเบียดเบียนเขา – ปรารถนาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีทุกข์ ครองตนอยู่เป็นสุข
๑๐. สัมมาทิฏฐิ เห็นชอบตามคลองธรรม – เช่น เห็นว่าทานมีผล การบูชามีผล วิบากของกรรมดีกรรมชั่วมีจริง เป็นต้น
ข้อ ๑ – ๓ เป็น กายกรรม ๓
ข้อ ๔ – ๗ เป็น วจีกรรม ๔
ข้อ ๘ – ๑๐ เป็น มโนกรรม ๓
เวรมณี แปลว่า เจตนาที่ทำให้เว้น
ก็คือเจตนาที่ตรงข้าม
เช่น ปาณาติปาตา เวรมณี ก็หมายถึงว่า การทำดีที่ตรงข้ามกับการเบียดเบียนทำลายชีวิต
ข้ออื่น ๆ ก็ในทำนองเดียวกัน
สรุปง่าย ๆ คือ
พร้อมที่จะทำกรรมดีอยู่เสมอ
และทางที่จะทำกรรมดี ก็มีได้ทุกทาง
ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา หรือแม้แต่ทางใจ
การทำกุศลที่ได้อานิสงส์มากจริง ๆ
ก็ควรคำนึงด้วยว่า
ไม่ใช่ทำเพื่อเอาเข้าตัว – เสริมตน หรือ “งกบุญ”
แต่จะทำด้วยความเข้าใจในคุณค่าของสิ่งที่ทำ
และเป็นไปในลักษณะ “สละออก”
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากตอบโจทย์บนนิมฺมโลเพจ
วันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐