ถาม: โสตวิญญาณไปผัสสะกับเสียง ในลักษณะสันตติ ทำให้เกิดบัญญัติ ใช่ไหมครับ ?
ตอบ : ผัสสะ แปลว่า การกระทบ หมายถึงความประจวบกันแห่งอายตนะภายใน + อายตนะภายนอก + วิญญาณ เรียกอีกอย่างว่า สัมผัส
โสตสัมผัส แปลว่า ความกระทบทางหู คือ หู + เสียง + โสตวิญญาณ
โสตวิญญาณ แปลว่า ความรู้อารมณ์ทางหู คือ รู้เสียงด้วยหู พูดง่าย ๆ ว่า ได้ยิน
สันตติ แปลว่า การสืบต่อ หมายถึงการเกิดกับต่อเนื่องกันไป โดยอาการที่เป็นปัจจัยส่งผลแก่กัน ทั้งในทางรูปธรรม และนามธรรม
จิตก็มีสันตติ คือเกิดดับเป็นปัจจัยสืบเนื่องต่อกันไปอย่างรวดเร็ว ไม่ขาดสาย ทำให้ไม่เห็นความไม่เที่ยงของสภาวธรรมได้ ต้องอาศัยการเจริญสติ เห็นสภาวธรรมที่กำลังปรากฏ
จนเห็นความเกิดดับ บางทีครูบาอาจารย์ก็เรียกการเห็นความเกิดดับตรงนี้ว่า สันตติขาด
บัญญัติ แปลว่า การตั้งขึ้น, การกำหนดเรียก, การเรียกชื่อ
สมมติบัญญัติ หมายถึงสิ่งที่ไม่มีลักษณะของสภาวธรรม แต่เป็นเรื่องราวที่เกิดจากการคิดและตกลงเรียกกันขึ้นมา
สมมติสัจจะ คือความจริงโดยสมมุติ ที่ขึ้นต่อการยอมรับกัน หรือตามที่กำหนดหมายตกลงกันไว้ เช่น นายดำ นางแดง ม้า แมว เป็นต้น (ตรงข้ามกันกับ ปรมัตถสัจจะ คือความจริง
โดยปรมัตถ์ ไม่ขึ้นต่อการยอมรับของคน เป็นความจริงที่มีอยู่ในธรรมชาติ เป็นความจริงโดยความหมายสูงสุดที่ตรงตามสภาวะ เช่น รูป เวทนา สัญญา เป็นต้น)
อธิบายคำศัพท์มามากมาย เพราะอ่านคำถามแล้ว.. งงงวย ไปไม่ถูกเลย !
คำถามนี้ ถ้าแปลให้ง่ายว่า “การได้ยินเสียงต่อเนื่องนาน ๆ จะทำให้เกิดสมมติบัญญัติ ใช่หรือไม่ ?” ก็ตอบได้ว่า ไม่ใช่ เพราะสมมติบัญญัติเกิดจากการคิด
เช่น ถ้านั่งหน้าพัดลม เปิดพัดลมเบอร์สาม ฟังเสียงพัดลมไป ๒ นาที ถ้าไม่คิดอะไร
ก็ได้ยินเสียงอยู่ ๒ นาที ก็ไม่ปรากฏสมมติบัญญัติอะไร แต่ถ้าคิดว่า ‘เปิดแอร์ดีกว่า’ ที่ว่า ‘เปิดแอร์ดีกว่า’ นั้นเป็นสมมติบัญญัติ หรือแม้แต่คิดว่า ‘เสียงดังจัง’
ที่ว่า ‘เสียงดังจัง’ นั้นก็เป็นสมมติบัญญัติ
๘ เมษายน ๒๕๖๐