#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๒๑๓ #จิตและเจตสิกคืออะไร ?? #ถาม : ที่พระสวดอภิธรรมแปล ที่ว่า จิต และ เจตสิก คืออะไรคะ? #ตอบ : จิต คือ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์ เจตสิก คือ ธรรมที่ประกอบจิต จิต และ เจตสิก เป็นนามธรรมด้วยกันทั้งหมด รู้จักขันธ์ ๕ ไหม? ขันธ์ ๕ ส่วนประกอบห้าอย่างที่รวมกันเป็นชีวิต ได้แก่ รูปขันธ์, เวทนาขันธ์, สัญญาขันธ์, สังขารขันธ์, วิญญาณขันธ์ เคยได้ยินนะ? รูปขันธ์ เป็นส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรม..ยกเอาไว้ก่อน ยังไม่ต้องพูดถึง ในส่วน นามธรรมมี เวทนาขันธ์, สัญญาขันธ์, สังขารขันธ์, วิญญาณขันธ์ เราแบ่งอย่างนี้ว่า เวทนาขันธ์, สัญญาขันธ์, สังขารขันธ์..เป็น เจตสิก ส่วนวิญญาณขันธ์..เป็น จิต ในอภิธรรมจะแยกอย่างนี้นะ! จิต พูดง่ายๆ คือ ความรับรู้ รับรู้ทางตา เรียกว่า จิตมันเกิดทางตา ศัพท์บาลีเรียกว่า “จักขุวิญญาณ” จิตที่รับรู้เสียงทางหู ภาษาบาลีเรียกว่า “โสตวิญญาณ” จิตที่รับรู้ทางจมูก คือรู้กลิ่น เรียกว่า “ฆานวิญญาน” จิตที่รับรู้ทางลิ้น คือรู้รส เรียกว่า “ชิวหาวิญญาน” จิตที่รับรู้สัมผัสทางกาย คือ เย็น, ร้อน, อ่อน, แข็ง เรียกว่า “กายวิญญาณ” จิตที่รับรู้เรื่องราวทางใจ เรียกว่า “มโนวิญญาณ” เป็นวิญญาณนะ! วิญญาณ คือ จิต อาการหรือคุณสมบัติต่างๆ ของจิต เช่น เวลาเราไปเห็นอะไร มีจักขุวิญญาณนี่นะ.. เห็นแล้วเนี่ย เกิดรัก-เกิดชัง.. เป็นเรื่องของ สังขาร มีความปรุงแต่ง เห็นแล้ว มีความสุข ..ความสุขเป็นเวทนา เห็นแล้ว จำได้ว่า “นี่! คนนี้เคยเห็น จำได้” ..ก็มีความจำ เรียกว่า สัญญา จิต และ เจตสิกเนี่ย เกิด-ดับพร้อมกัน มีอารมณ์เดียวกัน นึกออกไหม? อย่างโยมฟังเสียงอาตมานี่นะ! ฟังแล้วเนี่ย.. “โอ้โห! พระเสียงดีจัง” สมมุตินะ! ไอ้ตอนฟังเสียงเนี่ย..จิตรับรู้เสียง เป็น “โสตวิญญาณ” ฟังแล้วมีความสุข สุข..ก็เป็นเวทนา เรียกว่า สุขเวทนา แล้วก็หมายรู้ว่า เสียงนี้เป็นพระ แน่ ๆ .. หมายรู้ว่าเป็นพระ ความหมายรู้ ก็คือ สัญญา ฟังแล้วชอบใจ “เสียงดีจัง” ไอ้ที่คิดว่า “เสียงดีจัง” ..เป็นความปรุงแต่ง เรียกว่า สังขาร นึกออกไหม? เนี่ย เกิดพร้อม ๆ กันเลย จากการที่ฟังเสียงเนี่ย..มีนามธรรมเกิดขึ้นพร้อมกัน-ดับพร้อมกัน มี โสตวิญญาณ ฟังเสียงนี้อยู่ด้วย..ก็เกิด-ดับด้วยกัน พร้อมกัน เวลาเราศึกษาเรื่องจิตนี่นะ จะแยกออกได้ว่า จิต เป็นเพียงแค่ “ตัวรับรู้“ ไอ้ที่เกิดขึ้นมาพร้อม ๆ กับ จิต เช่น สุขนี่ ไม่ใช่จิตหรอก..เป็นเพียง ความรู้สึก ไอ้จำได้หมายรู้นี่ ไม่ใช่จิตหรอก..เป็นเพียง สัญญา ไอ้ที่ปรุงแต่ง เป็นสงสัย, เป็นศรัทธา, เป็นบุญ, เป็นบาป, เป็นกุศล, เป็นอกุศล นี่นะ มันไม่ใช่จิตหรอก ..เป็นเพียง สังขาร เป็นความปรุงแต่ง ไอ้ตัวจิต เป็นเพียงแค่ ตัวรับรู้, เป็นผู้รู้, เป็นตัวรับรู้ไปเรื่อย ต่อไป ฟังสวดอภิธรรมจะเข้าใจมากขึ้นแล้วนะคราวนี้! ฟังคำตอบเข้าใจแล้ว ก็ลองไปฝึกภาวนาเองด้วย ดูจิต.. จิต มันเป็นยังไง? ไอ้ความรับรู้ทาง ตา, หู, จมูก, ลิ้น, กาย, ใจ เนี่ย มันเป็นยังไง? สัญญา เป็นยังไง? สังขาร เป็นยังไง? เวทนา เป็นยังไง? ลองรับรู้ แล้วดูจริง ๆ ไม่ใช่ว่าฟังเอาเพียงปริยัติ แต่ต้องเอาไปปฏิบัติด้วย ปริยัติมันเป็นเพียงแค่ว่าฟังเป็นข้อมูลมา ฟังข้อมูลมาแล้ว ต้องลองเอาไปปฏิบัติให้ได้ผลจริง ว่า.. จิต เป็นอย่างนี้นะ เวทนา ..เป็นอย่างนี้นะ ความปรุงแต่งเป็นบุญเป็นบาป ..เป็นอย่างนี้นะ มันมีอยู่ในชีวิตนี้จริง ๆ แล้วชีวิตที่ควรเรียนรู้ คือ ชีวิตของเรา..ที่เรากำลังรู้สึกว่าเป็นเรานี่แหละ เรียนรู้ไป เราจะรู้สึกว่า “อ้าว! ไอ้พวกเหล่านี้นะ เป็นเพียงนามธรรมเกิด-ดับ ไม่ใช่เรา” ไอ้รูปขันธ์ ก็เป็นเพียง รูปธรรม เกิด-ดับ ไม่ใช่เรา นามธรรม ที่แบ่งออกมาเป็น ๔ อย่างนี่นะ..มันก็เกิด-ดับ เปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่เรา ดูอย่างนี้ด้วย ให้เห็นความจริง ไม่ใช่เพียงท่องจำ พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากการตอบปัญหาธรรม ในรายการ “ธรรมะสว่างใจ” วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ลิงค์วีดีโอ https://youtu.be/FKI7va98dI0 (นาทีที่ 1:35:33 – 1:43:04) Shortlink: December 23, 2019นิมฺมโลตอบโจทย์admin อ่านต่อFacebookTwitterLine