วันศุกร์ที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๓ วันพระ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๑๑ ??? พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ #ทำกรรมเพื่อพ้นกรรม ในการปฏิบัติจริงไม่ใช่ “ละ” ตัวทุกข์ ทุกข์นั้น”แค่รู้” ตัวที่ควรละจริง ๆ คือ “สมุทัย” ที่เราจะเห็นได้คือ “ตัณหา” ที่เราปฏิบัติพลาดกันจริง ๆ ก็คือตัวนี้ เวลาทุกข์ เราอยาก “ละ” เป็นทุกข์อยู่แต่ไม่เห็นแล้วก็อยากจะ “ละ” มันไป ในทางปฏิบัติจริงคือผิด ปฏิบัติจริงคือ ให้ “รู้” ว่านี่คือทุกข์ ส่วนตัณหาความอยากไม่ให้ทุกข์นี้..ต้องรู้ด้วย และ “ละ” มันไป ต้องรู้ด้วยว่า..อยากที่ไม่มีมัน เป็นตัณหา คือ วิภวตัณหา ไม่อยากได้ ไม่อยากมี ไม่อยากเป็น ก็คือ “อยาก” ที่จะไม่มีไม่เป็น เรียกว่า “วิภวตัณหา” อยากเป็น เรียกว่า “ภวตัณหา” เวลาที่จะปฏิบัติธรรมก็ควรเลือกเอาช่วงเวลาของชีวิตที่ดีที่สุดเท่าที่เรามี ใช้เวลาที่ดีที่สุดถวายพระพุทธเจ้า ใช้ชีวิตโดยมีเป้าหมายหลักคือ พัฒนาจิตใจให้สูงขึ้นไปจนพ้นโลก พอได้พระโสดาบันพระพุทธเจ้าจะเรียกบุคคลพวกนี้ว่าเป็น “ทิฏฐิสัมปันโน” แปลว่าผู้พร้อมด้วยทิฏฐิ เห็นกายนี้ใจนี้ไม่ใช่เรา จุดมุ่งหมายที่ต้องการให้มีต้องตั้งเป้าหมายว่า จะพัฒนาจิตใจให้พ้นโลกให้ได้(โลกุตรภูมิ) ต้องเห็นทุกข์เห็นโทษของโลกที่อยู่ในใจเรานี่เอง ใจเราเป็นโลก ๆ หนึ่ง ซึ่งแสดงทุกข์อยู่ มีทุกข์เกิดขึ้นที่ใจ เกิดขึ้นที่กาย ให้เห็นว่ามันเป็นเพียงวิบาก ส่วนที่เราจะไปแก้ไขไปละมันได้คือตัวกิเลส(เหตุแห่งทุกข์) ถ้ามีสติรู้ทันตัณหา..ตัณหาดับ ตอนรู้ทันเป็นการทำกรรมเรียกว่า “กรรมฐาน” เป็นการทำกรรมเพื่อพ้นกรรม ถ้ามีตัณหาแล้วทำกรรมตามตัณหา เป็นการทำกรรมเพื่อวนเวียนอยู่ในวัฏฏะ มีความเผลอให้ดูเราได้ “สติ” ขึ้นมา มีความเคลื่อนของจิตให้ดูเราก็ได้ “จิตตั้งมั่น” ขึ้นมา หรือเผลอไป แล้วรู้ความเผลอด้วยใจเป็นกลางก็ได้ “จิตตั้งมั่น” เหมือนกัน ดูมันให้เห็นเป็นเพียงปรากฏการณ์เกิดขึ้น ธรรมบรรยายโดย พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากการบรรยายธรรมจากกิจนิมนต์ ๑๓ กันยายน ๒๕๖๓

อ่านต่อ