#นิมฺมโลตอบโจทย์ #ขอกับอธิษฐานแยกแยะให้ออก #ถาม : “การอธิษฐาน” ต่างจาก “การขอ” อย่างไร? #ตอบ : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คนไทยเข้าใจผิดปนเปกัน เวลาเราไปสถานที่ที่เราเชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนสักที่หนึ่ง เราก็จะไปอธิษฐาน..ไปขอ ขอได้ก็จะมาแก้บน ประมาณอย่างนี้นะ อันนี้ผสมปนเปกันไป *** คำว่า “อธิษฐาน” จริง ๆ แล้วในทางพระศาสนา แปลว่า “ตั้งใจมั่น” ตั้งใจเด็ดเดี่ยวที่จะทำ แต่การ “ขอ” เนี่ย..ไม่สื่อถึงการ “ทำ”! การ “ขอ” เป็นการบอกความต้องการของตน แล้วให้คนอื่นทำให้ *** เช่นว่า เชื่อว่าที่นี่ศักดิ์สิทธิ์ มีเทวดาผู้มีศักดาใหญ่ ๆ เราก็ไป “ขอ” กับเทวดาที่นั่น ให้ท่านทำให้ แล้วเราก็รอ.. รอเสร็จแล้ว ถ้าได้สมประสงค์ ก็จะมาแก้บน ถ้าไม่สมประสงค์ ก็แสดงว่าไอ้ที่เราบนไว้เนี่ย น่าจะไม่ถูกใจท่าน ก็ไปหาสิ่งอื่น ที่บนแล้วน่าจะถูกใจเทวดาองค์นี้ การ “ขอ” ก็เรียกว่า ผู้ขอต้องคอยพะเน้าพะนอผู้ที่เราไปขอ แต่ไม่ทำเหตุให้ถึงสิ่งที่เราต้องการจะได้ !! นึกออกไหม? แต่เป็นการเอาอกเอาใจผู้ที่เราไปขอ ประมาณว่าให้ท่านดลบันดาลให้ แต่เราไม่ทำ !! การ “ขอ” ไม่สื่อถึง “ทำ” แต่..การ “อธิษฐาน” ในทางพระศาสนา หมายถึง “ทำ” เช่น พระอธิษฐานจำพรรษา การอธิษฐานจำพรรษา คือ จะอยู่ ณ อาวาสใดอาวาสหนึ่งตลอด ๓ เดือน – จะทำ ในที่นี้คือ จะทำการอยู่ประจำที่ หรือตอนที่พระพุทธเจ้าก่อนจะตรัสรู้ พระองค์อธิษฐานว่า “จะนั่งทำความเพียรอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่บรรลุ ไม่ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จะไม่ลุกไปไหน แม้ร่างกายเลือดเนื้อจะเหือดแห้งไป เหลือแต่หนัง เอ็น กระดูก ก็ตามที ก็จะไม่หยุดความเพียร ไม่ลุกไปไหน” นี่เป็นการอธิษฐานเพื่อ “ทำ” ทำอะไร? “ทำกรรมฐาน” ณ ตรงนี้ ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์นี้ อธิษฐานเพื่อทำ! เพราะฉะนั้น การอธิษฐานเนี่ย ถ้าพูดง่าย ๆ ก็คือ เป็นการตั้งใจเด็ดเดี่ยว หรือ อีกอย่างหนึ่งก็คือ มีเป้าหมายแน่วแน่ ชัดเจน..ว่าจะทำอะไร? อธิษฐานแล้วมันมีประโยชน์ตรงที่ว่า.. เมื่อมีเป้าหมายชัดเจนแล้ว ถ้ามีอะไรมารบกวน จะไม่ใส่ใจในสิ่งรบกวนนั้น หรือ อาจจะใส่ใจเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็ไม่ไปเสียเวลากับสิ่งรบกวนนั้นนาน เหมือนกับเรามุ่งเดินทางไป แล้วมีหมาเห่า มีสุนัขเห่าอยู่ข้างทาง เราก็แค่ “เออ.. สุนัขเห่า” แต่เป้าหมายเราอยู่ตรงนี้ เราก็ไม่ใส่ใจที่จะไปทะเลาะกับหมา ไม่ไปทะเลาะกับสุนัข แล้วก็มุ่งหน้าจะเดินทางไปสู่เป้าหมายข้างหน้า การมีเป้าหมายก็คือ มีการอธิษฐาน..ตั้งใจมั่นว่าจะทำอะไร ? เหมือนอย่างพระโพธิสัตว์ตั้งเป้าหมายว่า “จะสั่งสมบารมี เพื่อจะไปเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต” การอธิษฐานก็เป็นหนึ่งในบารมี ที่พระองค์ตั้งเอาไว้ว่า จะต้องทำการตั้งใจมั่นว่า “ไม่ว่าจะสร้างบารมีอะไร..ก็เพื่อพระสัมมาสัมโพธิญาณ” การตั้งใจมั่นอย่างนี้ ถ้าท่านมีอธิษฐานบารมี ท่านก็มีความเด็ดเดี่ยวในการสร้างบารมี แม้จะยากลำบาก ต้องสละชีวิต สละเลือดเนื้อ สละดวงตา สละบุตรภรรยา สละราชสมบัติ ..อะไรก็แล้วแต่ ก็มีความมุ่งมั่นที่จะทำ มีกำลังใจที่จะทำ เพราะมองเห็นประโยชน์ มองเห็นเป้าหมายที่จะทำ มีความมุ่งมั่น มีเจตนาที่เป็นกุศล “อธิษฐาน คือ เจตนาที่เป็นกุศล” แล้วมันจะพาให้ถึงการกระทำ เพื่อไปสู่จุดหมาย คือ ตรงตามเจตนานั้น ที่กำกับไว้ว่าต้องเป็น “กุศล” เพราะว่า บางทีมีบางคนเหมือนจะมีเป้าหมายที่แน่วแน่ แต่เป็น “อกุศล” อย่างนี้ “ไม่จัดว่าเป็นอธิษฐาน” เช่น “แค้นนัก ต้องแก้แค้นให้ได้!” ไอ้อย่างนี้ไม่ใช่อธิษฐาน อย่างนี้เรียกว่า “ผูกโกรธ” ต้องแยกให้ออกว่า “อธิษฐาน คือ เป็นการตั้งใจมั่น ในทางที่จะทำประโยชน์ หรือทำกุศล” แต่ถ้าไปทำอกุศล – ไปทำบาป – ไปจองเวรกัน..อย่างนี้ไม่ใช่เรียกว่าอธิษฐาน!! ต้องแยกแยะให้ออกด้วย สรุปแล้วคือ “อธิษฐาน” เนี่ย..ตั้งใจที่จะทำ แต่การ “ขอ”..ตั้งใจที่จะไม่ทำ แต่ให้คนอื่นทำให้ พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากตอบปัญหาธรรม รายการคนตัวเบา EP.139 ลิงค์รายการ https://www.youtube.com/watch?v=Tt5omh2pyGs&feature=youtu.be (นาทีที่ 6.05-10.50) Shortlink: December 6, 2020นิมฺมโลตอบโจทย์admin อ่านต่อFacebookTwitterLine