#นิมฺมโลตอบโจทย์ #ความบีบคั้นเป็นทุกข์ ?? #ถาม : ทำที่บ้านช่วงนี้ ในจิตโดนบีบคั้นมาก มีความร้อนข้างใน แต่ก็แค่รู้ตามอาการ ทำอย่างนี้ถูกต้องไหมคะ? #ตอบ : บีบคั้น … “อาการบีบคั้น มันแสดงถึงทุกข์” ก็เป็นโอกาสที่เราจะพิจารณาถึงทุกขลักษณะ “ทุกข์” ที่อยู่ในไตรลักษณ์ มีศัพท์บาลีว่า “ทุกขตา” หมายถึง ภาวะความบีบคั้น “ความบีบคั้น” มันกำลังแสดงถึง อาการที่ทำให้อยู่คงที่นิ่ง ๆ ไม่ได้ มีสภาพกดดันและขัดแย้ง เพราะเป็นภาวะที่ไม่สมบูรณ์มีความบกพร่องอยู่ในตัว ก่อทุกข์ให้กับผู้ที่ไปยึด เวลาจิตมันถูกบีบคั้น มันก็เป็นทุกข์ขึ้นมา ทีนี้ แทนที่เราจะจมกับความทุกข์อันนั้น คือ เป็นทุกข์ไปกับมัน ..เราก็มาเป็น “ผู้รู้ ผู้ดู” “รู้ทุกข์ – แต่ไม่เป็นทุกข์” นึกออกไหม? คือแทนที่ว่ามีอาการบีบคั้นเกิดขึ้นมาแล้ว เราก็จมไปกับความทุกข์ เป็นทุกข์ไปกับมันนะ ให้อาการบีบคั้นเนี่ย เป็นสิ่งหนึ่งที่เราไปรู้ทันมัน! แค่รู้ทันมันว่ามีอาการอย่างนี้เกิดขึ้น “ด้วยใจเป็นกลาง” ดูด้วยใจเป็นกลาง ทำใจเพียงแค่ว่า “จะศึกษาความจริงของจิต” จิตจะดีหรือไม่ดี? จิตจะสุขจะทุกข์แค่ไหน? ก็จะ “แค่รู้ – แค่ดู” เวลาเรามีปรากฏการณ์อะไรขึ้นมา ให้เอาปรากฏการณ์นั้นนะเป็นครูสอนเลย! ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น.. ถ้าเป็นทุกข์..ยิ่งดี ในแง่ที่ว่า ‘มันจะไม่หลง’ ไม่หลงใหล ระหว่าง อารมณ์ที่ดี กับ อารมณ์ที่ไม่ดี .. ระหว่าง อิฏฐารมณ์ กับ อนิฏฐารมณ์ .. คือระหว่าง อารมณ์ที่น่าปรารถนาน่าพอใจ กับ อารมณ์ที่ไม่น่าปรารถนาไม่น่าพอใจ อารมณ์ที่น่าพอใจดูยากกว่า ! เพราะมันจะพอใจ จะเพลิน จะหลงง่าย มันจะปลื้ม จะดื่มด่ำอยู่กับมันนะ .. ก็หลงแล้ว อย่างนี้หลงแล้ว! ยากมากที่จะเจริญสติตอนที่กำลังมีสุข หรือ ตอนที่กำลังปลื้มอะไรอย่างนี้นะ .. ยาก.. ดูยาก! เพราะฉะนั้นโอกาสตอนนี้.. ใช้อารมณ์ที่มันดูเหมือนไม่ดีเนี่ยนะให้เป็นโอกาสในการที่จะเจริญสติของเรา แล้วจะกลายเป็นว่า เพราะความบีบคั้นอันนี้ทำให้เราได้สติได้ง่ายขึ้น แล้วแถมความบีบคั้นนั้น จะเป็นตัวสอนเราว่า “อย่าประมาท!” ถ้ามีสุข..มันจะประมาท ถ้ากำลังปลื้ม มันจะหลงเพลิน และประมาท ท่านจึงบอกว่า ถ้าเทวดาที่มีกามสุขเต็มล้น .. และถ้าเทวดานั้นไม่เคยภาวนาตอนเป็นคนมาก่อน ..ยากมาก! จะไปบอกว่า “สิ่งทั้งหลาย ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา” “..เหรอ? ผมว่ามันเที่ยงนะ” “ผมรู้สึกว่า ความเป็นเทวดาเหมือนไม่ตาย” เทวดาจะเรียกตัวเองว่า ‘อมร’ ก็คือไม่ตาย แล้วมันก็ทุกอย่างก็เป็นทิพย์ สุขไปหมดเลย รูปก็ทิพย์ เสียงก็ทิพย์ กลิ่นก็ทิพย์ มันสุขไปหมด มันน่าหลงเพลินจริง ๆ .. น่าที่จะส่งใจออกไปดื่มด่ำเสพสุขจริง ๆ เพราะฉะนั้น อาการที่มันมีความบีบคั้น แล้วเป็นทุกข์เนี่ย ในแง่ปฏิบัติ.. ถือว่าดีกว่า เพราะมันจะเป็นเครื่องเตือนใจให้เห็นความจริงได้ง่ายกว่า แล้วก็ไม่ประมาท !! ถ้าประมาทอยู่ มันจะถูกบีบคั้นมาก คราวนี้พอมันบีบคั้นขึ้นมา มันเกิดขึ้นเพื่อมาเตือน เมื่อมีสติรู้สภาวะ “ความบีบคั้น” ความบีบคั้นก็เป็นเพียงปรากฏการณ์อันหนึ่ง แล้วมันสอนความจริงอยู่ในตัว *** “ความบีบคั้น” ถ้าเทียบเป็นภาษาบาลีมันก็คือ “ทุกข์” นั่นเอง “ทุกข์” คือ สภาพที่คงทนอยู่ไม่ได้ เพราะถูกบีบคั้นด้วยความเกิดดับ ซึ่งก็คือความหมายของ “ทุกขลักษณะ” ทุกข์นั้น กำลังปรากฏให้ดู เราก็แค่ดู แต่ถ้าทุกข์นั้นปรากฏขึ้นมา แล้วเราก็อิน (in) ไปกับมัน กลายเป็นว่า ‘เราเป็นทุกข์’ – ‘ทุกข์รวมอยู่ในเรา’ มันรวมอยู่เข้ามาเป็น.. ‘เราทุกข์’ แต่ถ้าทุกข์นั้น ถ้าเป็นสิ่ง ๆ หนึ่งเอาไว้ดู มันก็กลายเป็นว่า ‘เห็นทุกข์’ และขณะที่เห็นนั้น ไม่เป็นทุกข์ แล้วทุกข์นั้นกำลังสอนใจด้วย ว่า ลักษณะโดยธรรมชาติของชีวิตมันเป็นอย่างนี้ ก็รู้เท่าทัน คลายความยึดมั่น และใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท กลายเป็นว่า “ทุกข์ทำให้ฉลาดขึ้น” *** ลองดูนะ ความบีบคั้น .. อย่าไปกลัวมัน ! อย่าไปตื่นตระหนก อย่าไปตกใจ อย่าไปให้มันครอบงำ แล้วอย่าไปอิน (in) กับมัน มันเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์อันหนึ่ง ซึ่งเป็นธรรมดาของโลกเลย และเป็นความจริงด้วย ความจริงที่มันกำลังปรากฏอยู่เนี่ย มันกำลังทดสอบเราว่า ‘จะรู้ทันมันไหม?’ ถ้าไม่รู้ทัน ก็ถูกครอบงำ และเป็นทุกข์ ถ้ารู้ทันมัน ก็เป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์อันหนึ่ง และสอนใจให้ฉลาดว่า “สิ่งนี้คือลักษณะทุกข์ที่เกิดขึ้น” มันคือ ‘ทุกข์’ – ‘ผู้รู้’ อยู่ต่างหาก ‘ทุกข์’ และ ‘สิ่งที่ถูกรู้นี้’ ไม่ใช่เรา ทุกข์เป็น ‘อารมณ์ที่ถูกรู้’ จิตเป็น ‘ผู้รู้’ และจิตก็ ‘ไม่ใช่เรา’ อาศัยสิ่งที่ปรากฏอยู่นี้เจริญสติไปเลย แล้วก็ฉลาดในการรู้อารมณ์นั้นไป ..ขอแนะนำแค่นี้ พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากตอบปัญหาธรรม รายการธรรมะสว่างใจ ออกอากาศวันที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔ ลิงค์รายการ https://www.facebook.com/Watsanghathan.Nonthaburi/videos/260283885689690 (นาทีที่ 1.05.09-1.10.59) Shortlink: April 1, 2021นิมฺมโลตอบโจทย์admin อ่านต่อFacebookTwitterLine