All posts by admin
ชวนม่วนชื่น 096 – มองเป็นเรื่องตลกดีกว่า
09 วิฑูฑภะ ชำระแค้น
#เชิญฟังธรรม ?ชมรมสารธรรมล้านนา ขอเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย ในวันเสาร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๑ เวลา…
#เชิญฟังธรรม
?ชมรมสารธรรมล้านนา
ขอเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย
ในวันเสาร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๑
เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.
โดย… พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
ณ โรงแรมคุ้มภูคำ ถ.ชลประทาน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่
คุณหมอดุลยา 081-7163960
คุณกิ๊ฟ 081-5306525
( แผนที่ https://g.co/kgs/yXpnto )
ในงานมีหนังสือ, สื่อธรรมะ, อาหารและเครื่องดื่มแจกฟรี
08 เลือดพ่อสำคัญ
07 เหตุแค้นของ วิฑูฑภะ-
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๑ วันพระ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ??? พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ ๑๖๐ #มัจจุมิตร…
วันอาทิตย์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๑
วันพระ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖
???
พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ ๑๖๐
ในระหว่างปฏิบัติให้ระวังมารทั้งหลาย
แต่มารที่ระวังไม่ได้ มาแน่ๆคือ ‘มัจจุมาร’
แต่ว่า’มัจจุมาร’เนี่ย! ถ้าเราระลึกบ่อยๆ
จะกลายเป็น ‘มัจจุมิตร’
‘มัจจุมิตร’ คืออะไร?
คือทำให้เราไม่ประมาท
มันมาเตือนว่า อย่าประมาทนะ!
ความตายจะมาเมื่อไหร่ก็ได้
แต่จะเป็นมัจจุมาร ตอนที่ระลึกถึงความตายแล้วหวั่น หวาดกลัว
เพราะตอนหวาดกลัว.. เป็นอกุศล
ตอนระลึกถึงความตายแล้วเกิดฮึกเหิม
เห็นว่าเวลามีน้อย จะตายเมื่อไหร่ก็ไม่แน่!
ตอนนี้มีความตายเป็นมิตร..เป็น ‘มัจจุมิตร’
ถ้าเรามองความตายแล้วเกิดประโยชน์
ความตายไม่ใช่มาร
แม้จะเป็นสิ่งเลวร้าย.. คือความตาย
ถ้าเรามองอย่างมี”โยนิโสมนสิการ”
ความตายจะเป็นมิตร
เป็นมิตร..ขนาดที่พระพุทธเจ้าให้ระลึกถึงบ่อยๆ
เรียกว่า..มรณสติ
ธรรมบรรยายโดย
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
????
เรียบเรียงจากแทร๊ก 05.มารกลับใจ 590611
แผ่นซีดี ขยายผล 4
ลิงค์ไฟล์ https://bit.ly/2JXOql2
นาทีที่ 59.00-1.00.02
06 ก่อนเป็น พระเจ้ามหานามะ
05 กำเนิด วิฑูฑภะ
04 กว่าจะเป็น ทีฆการายนะเสนาบดี
?#เชิญฟังธรรม ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย ในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๑ เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๑.๓๐…
?#เชิญฟังธรรม
ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย
ในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๑
เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๑.๓๐ น.
โดย.. พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
ณ ศาลาไตรสิกขา #บ้านจิตสบาย
พุทธมณฑลสาย ๒ ซ.สุขาภิบาล
บางระมาด กรุงเทพฯ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร ๐๒ – ๔๔๘ ๓๓๙๒
(แผนที่ https://goo.gl/maps/8p9PGTgvwE42)
? #เชิญฟังธรรม ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย ในวันเสาร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๑ เวลา ๑๕.๐๐ – ๑๖.๓๐…
? #เชิญฟังธรรม
ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย
ในวันเสาร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๑
เวลา ๑๕.๐๐ – ๑๖.๓๐ น.
โดย.. พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
ที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์โลกพระพุทธศาสนา เฉลิมพระเกียรติฯ (WBTV)
ณ อาคารมหาเจษฏาบดินทร์ ชั้น 3 วัดยานนาวา
๔๐ ถนน เจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร ๐๒ – ๖๗๒ ๓๒๐๖
(แผนที่ https://goo.gl/maps/2bg7cRKjqZ32)
วันเสาร์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๑ วันพระ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ สุขสันต์วันสงกรานต์ .. สวัสดีปีใหม่ ???…
วันเสาร์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๑
วันพระ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๕
สุขสันต์วันสงกรานต์ .. สวัสดีปีใหม่
???
คนเราจะมีช่องที่ติดต่อกับโลกอยู่หกช่อง
มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
เวลากระทบกับโลกตามช่องทางต่างๆ
ถ้ากระทบไปแล้วขาดทุน..ก็เลี่ยงเสีย
ไม่ใช่ดันทุรังกระทบไปเรื่อยๆ
ตรงนี้เรียกว่า มี”ความสำรวมอินทรีย์”
ถ้าเลี่ยงไม่ได้..ให้เจริญสติให้เยอะๆ
กระทบแล้วมีกิเลสเกิดขึ้นในใจ
ให้มารู้ข้างในใจนี้
เรียกว่า “ป้องกันทั้งภายนอกและภายใน”
กำแพงเมืองนั้นป้องกันเฉพาะศัตรูภายนอกได้
แต่ถ้ามีไส้ศึกข้างใน..ก็ลำบาก!
ดังนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงให้ตั้งกำแพง
ก็คือ..มียามรักษาการณ์ตามประตูต่างๆ
ตากระทบรูป ก็มีสติเป็นยามรักษาการณ์
สติจะรับรู้อยู่เสมอว่า..กระทบอะไร แล้วใจเป็นอย่างไร?
ใจกระทบกับเรื่องราว แล้วเกิดอะไรขึ้น..รู้ที่ใจด้วย!
หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น ลิ้นกระทบรส ให้มีสติ
แล้วเลือกหน่อย ไม่ไปยุ่งกับอโคจร
ที่ไหนยั่วกิเลสมากก็เลี่ยง หรือปิดช่องทางเสีย
แล้วสุดท้ายก็คือ..สำรวจไส้ศึก!
จิตใจเรานี้ มีความพอใจ ไม่พอใจอะไร?
มีกิเลสอะไร?..ให้รู้ทันที่ในใจเราด้วย
คอยระวังป้องกันทั้งภายนอกและภายใน
อย่างนี้เรียกว่า..เป็นผู้ที่ไม่ประมาท
อาศัยเวลาที่ผ่านไปเตือนใจตนเอง
ให้ไม่ประมาท
ธรรมบรรยายโดย
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากไฟล์เสียง ธรรมะรับกาลเวลา
๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ บ้านจิตสบาย
ลิงค์ไฟล์เสียง https://bit.ly/2l9kKIw
นาทีที่ 32.44-34.27
#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๑๒ ??? #ถาม : จิตคือใคร? ผู้รู้คือใคร? ความคิดคือใคร? ใครทำหน้าที่?…
#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๑๒
???
#ถาม : จิตคือใคร? ผู้รู้คือใคร? ความคิดคือใคร? ใครทำหน้าที่? งงค่ะท่านอาจารย์ ขอความกรุณาอธิบายให้คนปัญญาน้อยด้วยค่ะ
#ตอบ : จิต.. ไม่ใช่ใคร
จิต คือ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์ เป็นตัวรับรู้
อารมณ์ คือ สิ่งที่ถูกรู้หรือถูกรับรู้ เช่น แสง สี เสียง กลิ่น รส สัมผัสเย็น-ร้อน อ่อน-แข็ง ความคิด เป็นต้น
ความคิด.. ก็ไม่ใช่ใคร
เป็นเพียงความปรุงแต่งเรื่องราวในใจต่างๆนานา
ผู้รู้.. ก็ไม่ใช่ใคร
คำว่า ผู้รู้ เป็นคำที่ครูบาอาจารย์ใช้เรียกจิตที่รู้สึกตัว ตั้งมั่น ไม่เผลอรวมไปในอารมณ์ คือแยกจิตกับอารมณ์ออกจากกัน
บางทีก็เรียกอีกคำหนึ่งว่า “ผู้รู้ผู้ดู”
เป็นขณะที่จิตประกอบด้วยสติ, สมาธิ และปัญญา จึงมีคุณภาพมาก เป็น “มหากุศลจิต”
และจิตผู้รู้ที่ดี จะเกิดขึ้นเองโดยไม่มีเจตนา
ในทางปฏิบัติ ขณะที่มีจิตผู้รู้ ขณะนั้นจะรู้สึกว่ามีสภาวะหนึ่งถูกรู้
สมมุติว่า เดินไปตลาด ผ่านแผงสลากกินแบ่งรัฐบาล สนใจแวะดู เห็นชุดหนึ่ง..เลขสวย อยากซื้อ คิดว่า”เมื่อคืนฝันเห็น… งวดนี้ต้องออกเลขนี้แน่เลย เตรียมรวยได้เลย”
– ขณะเห็นสลากกินแบ่งรัฐบาล รู้ว่ามีแผงหวย ขณะนั้นยังไม่ใช่จิตผู้รู้ เพราะจิตขณะนั้นมีสลากเป็นอารมณ์ จิตไหลไปหาสลาก ไม่รู้กาย ไม่รู้ใจ
– ขณะที่กำลังเลือกเลข รู้ว่ามีเลขมากมาย ขณะนั้นยังไม่ใช่จิตผู้รู้ เพราะจิตขณะนั้นมีเลขเป็นอารมณ์ จิตถลำไถลส่ายหา ไม่รู้กาย ไม่รู้ใจ
– ขณะที่พบเลขที่ถูกใจ อยากซื้อ ไม่เห็นความอยากที่เกิดขึ้นในใจ ก็ยังไม่มีสติ จิตนั้นมีหวยเป็นอารมณ์ ไม่เห็นกาย ไม่เห็นใจ
– ขณะที่คิดว่า “เมื่อคืนฝันเห็น… ” ขณะนั้นกำลังคิดถึงเรื่องราวในอดีต คิดแล้วก็จิตรู้เรื่องที่คิด แต่ไม่รู้กายที่กำลังยืน ไม่รู้ใจที่คิด ก็ยังไม่มีสติ ไม่ใช่จิตผู้รู้
– ขณะที่คิดว่า “งวดนี้ต้องออกเลขนี้แน่เลย เตรียมรวยได้เลย” ขณะนั้นกำลังคิดถึงอนาคต วาดฝันปรุงแต่งไป จิตก็รู้เรื่องที่วาดฝันนั้น ไม่ใช่จิตผู้รู้ ไม่มีสติ
– ถ้าเดินเจริญสติมา เดินด้วยความรู้สึกตัว แล้วขณะที่รู้สึกตัวอยู่นั้น มีความรู้สึกว่ากายนี้ถูกรู้ถูกดู ขณะก็มีจิตผู้รู้ จะรู้สึกว่ากายที่ถูกรู้อยู่ส่วนหนึ่ง จิตที่เป็นผู้รู้ก็อยู่อีกส่วนหนึ่งต่างหาก
– ถ้ามีกายที่เคลื่อนไหวในท่าเดินเป็นที่อยู่ของจิต ผ่านแผงสลากกินแบ่งรัฐบาล สนใจสลาก เห็นว่าจิตเผลอ ขณะนั้นมีสติรู้จิต
– ถ้าเห็นว่าความเผลอถูกรู้ถูกเห็น ขณะนั้นจึงจะเป็นจิตผู้รู้ผู้ดู
เมื่อมีจิตผู้รู้ขึ้นมา กายก็ถูกรู้ถูกดู จิตก็ถูกรู้ถูกดู ขันธ์ ๕ ที่เคยรวมกันเป็นตัวเรา ก็แยกออกมาเป็นส่วนๆ ส่วนหนึ่งถูกรู้ ส่วนหนึ่งเป็นผู้รู้ ตัวเราจริงๆไม่มี ขันธ์แต่ละส่วนก็ทำงานของมันเอง ไม่มีตัวตนอะไรมาเป็นเจ้าของหรือคอยบงการ
วิธีฝึกให้เกิดจิตผู้รู้ ก็ฝึกสติรู้สึกตัวนี่แหละ รู้กายบ้าง รู้ใจบ้าง เผลอบ้าง รู้ว่าเผลอบ้าง หาที่อยู่ให้จิตไว้สักที่หนึ่ง แล้วคอยรู้ทันจิตที่เผลอไปคิด เผลอไปดู เผลอไปฟัง แต่เผลอคิดนี่จะมากที่สุด
ทันทีที่รู้ทันจิตที่เผลอคิด จิตจะหยุดคิดทันทีทันใดนั้นเลย จิตผู้รู้ก็เกิดตรงนั้นเลย
แต่จิตผู้รู้ที่ฝึกนี้ก็ยังเกิดดับนะ เดี๋ยวก็เผลออีก ก็ต้องฝึกบ่อยๆนะ มีที่อยู่ไว้ เผลอปุ๊บ! รู้.. มีที่อยู่ไว้ เผลอปุ๊บ! รู้ อย่างนี้นะ
๑๘ เมษายน ๒๕๖๑





