All posts by admin

#เชิญฟังธรรม ?ชมรมสารธรรมล้านนา ขอเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย ในวันเสาร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๑ เวลา…

#เชิญฟังธรรม
?ชมรมสารธรรมล้านนา
ขอเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย
ในวันเสาร์ที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๑
เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.
โดย… พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล

ณ โรงแรมคุ้มภูคำ ถ.ชลประทาน ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่
คุณหมอดุลยา 081-7163960
คุณกิ๊ฟ 081-5306525

( แผนที่ https://g.co/kgs/yXpnto )
ในงานมีหนังสือ, สื่อธรรมะ, อาหารและเครื่องดื่มแจกฟรี


อ่านบน Facebook

วันอาทิตย์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๑ วันพระ​ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖ ??? พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ ๑๖๐ #มัจจุมิตร…

วันอาทิตย์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๑
วันพระ​ ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๖
???
พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ ๑๖๐

#มัจจุมิตร

ในระหว่างปฏิบัติให้ระวังมารทั้งหลาย
แต่มารที่ระวังไม่ได้ มาแน่ๆคือ ‘มัจจุมาร’
แต่ว่า’มัจจุมาร’เนี่ย! ถ้าเราระลึกบ่อยๆ
จะกลายเป็น ‘มัจจุมิตร’

‘มัจจุมิตร’ คืออะไร?
คือทำให้เราไม่ประมาท
มันมาเตือนว่า​ อย่าประมาทนะ!
ความตายจะมาเมื่อไหร่ก็ได้

แต่จะเป็นมัจจุมาร ตอนที่ระลึกถึงความตายแล้วหวั่น หวาดกลัว
เพราะตอนหวาดกลัว.. เป็นอกุศล

ตอนระลึกถึงความตายแล้วเกิดฮึก​เหิม
เห็นว่าเวลามีน้อย​ จะตายเมื่อไหร่​ก็​ไม่แน่!
ตอนนี้มีความตายเป็นมิตร..เป็น ‘มัจจุมิตร’

ถ้าเรามองความตายแล้วเกิดประโยชน์
ความตายไม่ใช่มาร
แม้จะ​เป็นสิ่งเลวร้าย.. คือความตาย
ถ้าเรามองอย่างมี”โยนิโสมนสิการ”
ความตายจะเป็นมิตร
เป็นมิตร..ขนาดที่พระพุทธเจ้าให้ระลึกถึงบ่อยๆ
เรียกว่า..มรณสติ

ธรรมบรรยายโดย
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
????
เรียบเรียงจากแทร๊ก 05.มารกลับใจ 590611
แผ่นซีดี ขยายผล 4
ลิงค์ไฟล์ https://bit.ly/2JXOql2
นาทีที่ 59.00-1.00.02


อ่านบน Facebook

?#เชิญฟังธรรม ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย ในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๑ เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๑.๓๐…

?#เชิญฟังธรรม
ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย
ในวันอาทิตย์ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๑
เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๑.๓๐ น.

โดย.. พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล

ณ ศาลาไตรสิกขา #บ้านจิตสบาย
พุทธมณฑลสาย ๒ ซ.สุขาภิบาล
บางระมาด กรุงเทพฯ
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร ๐๒ – ๔๔๘ ๓๓๙๒
(แผนที่ https://goo.gl/maps/8p9PGTgvwE42)


อ่านบน Facebook

? #เชิญฟังธรรม ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย ในวันเสาร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๑ เวลา ๑๕.๐๐ – ๑๖.๓๐…

? #เชิญฟังธรรม
ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย
ในวันเสาร์ที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๖๑
เวลา ๑๕.๐๐ – ๑๖.๓๐ น.
โดย.. พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล

ที่ สถานีวิทยุโทรทัศน์โลกพระพุทธศาสนา เฉลิมพระเกียรติฯ (WBTV)
ณ อาคารมหาเจษฏาบดินทร์ ชั้น 3 วัดยานนาวา

๔๐ ถนน เจริญกรุง แขวงยานนาวา เขตสาทร กรุงเทพมหานคร
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร ๐๒ – ๖๗๒ ๓๒๐๖
(แผนที่ https://goo.gl/maps/2bg7cRKjqZ32)


อ่านบน Facebook

วันเสาร์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๑ วันพระ​ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ สุขสันต์วันสงกรานต์ .. สวัสดีปีใหม่ ???…

วันเสาร์ที่ ๑๔ เมษายน ๒๕๖๑
วันพระ​ แรม ๑๔ ค่ำ เดือน ๕

สุขสันต์วันสงกรานต์ .. สวัสดีปีใหม่
???

พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ ๑๕๙

#ธรรมะเพื่อความไม่ประมาท

คนเราจะมีช่องที่ติดต่อกับโลกอยู่หกช่อง
มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

เวลากระทบกับโลกตามช่องทางต่างๆ
ถ้ากระทบไปแล้วขาดทุน..ก็เลี่ยง​เสีย
ไม่ใช่ดันทุรังกระทบไปเรื่อยๆ
ตรงนี้เรียกว่า มี”ความสำรวมอินทรีย์”

ถ้าเลี่ยงไม่ได้..ให้เจริญสติให้เยอะๆ
กระทบแล้วมีกิเลสเกิดขึ้นในใจ
ให้มารู้ข้างในใจนี้
เรียกว่า​ “ป้องกันทั้งภายนอกและภายใน”

กำแพงเมืองนั้นป้องกันเฉพาะศัตรูภายนอกได้
แต่ถ้ามีไส้ศึกข้างใน..ก็ลำบาก!

ดังนั้น​ พระพุทธเจ้าท่าน​จึงให้ตั้งกำแพง
ก็คือ..มียามรักษาการณ์ตามประตูต่างๆ
ตากระทบรูป ก็มีสติเป็นยามรักษาการณ์
สติจะรับรู้อยู่เสมอว่า..กระทบอะไร​ แล้ว​ใจ​เป็น​อย่างไร?
ใจกระทบกับเรื่องราว​ แล้วเกิดอะไรขึ้น..รู้ที่ใจด้วย!
หูได้ยินเสียง จมูกได้กลิ่น​ ลิ้นกระทบรส ให้มีสติ
แล้ว​เลือก​หน่อย​ ไม่​ไป​ยุ่ง​กับ​อโคจร​
ที่​ไหน​ยั่ว​กิเลส​มาก​ก็​เลี่ยง​ หรือ​ปิด​ช่อง​ทางเสีย

แล้วสุดท้ายก็คือ..สำรวจ​ไส้ศึก!
จิตใจเรานี้ มีความพอใจ ไม่พอใจอะไร?
มีกิเลสอะไร?..ให้รู้ทันที่ในใจเราด้วย

คอยระวังป้องกันทั้งภายนอกและภายใน
อย่างนี้เรียกว่า..เป็นผู้ที่ไม่ประมาท
อาศัยเวลาที่ผ่านไปเตือนใจตนเอง
ให้ไม่ประมาท

ธรรมบรรยาย​โดย
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล

เรียบเรียงจากไฟล์เสียง ธรรมะรับกาลเวลา
๒๕ ธันวาคม ๒๕๕๙ ณ บ้านจิตสบาย
ลิงค์ไฟล์เสียง https://bit.ly/2l9kKIw
นาทีที่ 32.44-34.27


อ่านบน Facebook

#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๑๒ ??? #ถาม​ : จิต​คือ​ใคร? ผู้​รู้​คือ​ใคร? ความ​คิด​คือ​ใคร? ใคร​ทำ​หน้าที่?…

#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๑๒
???
#ถาม​ : จิต​คือ​ใคร? ผู้​รู้​คือ​ใคร? ความ​คิด​คือ​ใคร? ใคร​ทำ​หน้าที่? งงค่ะ​ท่าน​อาจารย์​ ขอ​ความ​กรุณา​อธิบาย​ให้​คน​ปัญญา​น้อย​ด้วย​ค่ะ

#ตอบ​ : จิต.. ไม่ใช่​ใคร​
จิต คือ​ ธรรมชาติ​ที่​รู้​อารมณ์​ เป็น​ตัว​รับ​รู้

อารมณ์​ คือ​ ​สิ่ง​ที่​ถูก​รู้​หรือ​ถูก​รับรู้​ เช่น แสง​ สี​ เสียง​ กลิ่น​ รส​ สัมผัส​เย็น​-ร้อน​ อ่อน​-แข็ง​ ความคิด​ เป็นต้น

ความ​คิด.. ก็​ไม่ใช่​ใคร
เป็น​เพียง​ความ​ปรุงแต่ง​เรื่องราว​ในใจ​ต่างๆ​นานา

ผู้​รู้.. ก็​ไม่ใช่​ใคร​
คำ​ว่า​ ผู้​รู้​ เป็น​คำ​ที่​ครูบาอาจาร​ย์​ใช้​เรียก​จิต​ที่​รู้สึกตัว​ ตั้ง​มั่น​ ไม่​เผลอ​รวม​ไป​ใน​อารมณ์​ คือ​แยก​จิต​กับ​อารมณ์​ออก​จาก​กัน
บางที​ก็​เรียก​อีก​คำ​หนึ่ง​ว่า​ “ผู้​รู้​ผู้​ดู​”
เป็น​ขณะ​ที่​จิต​ประกอบด้วย​สติ, สมาธิ​ และ​ปัญญา​ ​จึง​มี​คุณภาพ​มาก​ เป็น “มหา​กุศล​จิต”
และ​จิต​ผู้​รู้​ที่​ดี​ จะ​เกิด​ขึ้น​เอง​โดย​ไม่มี​เจตนา

ใน​ทาง​ปฏิบัติ​ ขณะ​ที่​มี​จิต​ผู้​รู้​ ขณะนั้น​จะ​รู้สึก​ว่า​มี​สภาวะ​หนึ่ง​ถูก​รู้​

สมมุติ​ว่า​ เดิน​ไป​ตลาด​ ผ่าน​แผง​สลาก​กินแบ่ง​รัฐบาล​ สนใจ​แวะ​ดู​ เห็น​ชุด​หนึ่ง..เลข​สวย​ อยาก​ซื้อ​ คิด​ว่า​”เมื่อ​คืน​ฝัน​เห็น… งวด​นี้​ต้อง​ออก​เลข​นี้​แน่​เลย​ เตรียม​รวย​ได้​เลย”
– ขณะ​เห็น​สลากกินแบ่งรัฐบาล​ รู้​ว่า​มี​แผง​หวย​ ขณะ​นั้น​ยังไม่ใช่​จิต​ผู้​รู้​ เพราะ​จิต​ขณะนั้น​มี​สลาก​เป็น​อารมณ์​ จิต​ไหล​ไป​หา​สลาก​ ไม่​รู้​กาย​ ไม่​รู้​ใจ
– ขณะ​ที่​กำลัง​เลือก​เลข​ รู้​ว่า​มี​เลข​มากมาย​ ขณะ​นั้น​ยังไม่ใช่​จิต​ผู้​รู้​ เพราะ​จิต​ขณะนั้น​มี​เลขเป็น​อารมณ์​ จิต​ถลำ​ไถล​ส่าย​หา​ ไม่​รู้​กาย​ ไม่​รู้​ใจ
– ขณะ​ที่​พบ​เลขที่​ถูกใจ​ อยาก​ซื้อ​ ไม่​เห็น​ความ​อยาก​ที่​เกิด​ขึ้น​ในใจ​ ก็​ยัง​ไม่​มี​สติ​ จิต​นั้น​มี​หวย​เป็น​อารมณ์​ ไม่​เห็น​กาย​ ไม่​เห็น​ใจ
– ขณะ​ที่​คิด​ว่า​ “เมื่อ​คืน​ฝัน​เห็น… ” ขณะ​นั้น​กำลัง​คิด​ถึง​เรื่องราว​ใน​อดีต​ คิด​แล้ว​ก็​จิตรู้​เรื่อง​ที่​คิด​ แต่​ไม่​รู้​กาย​ที่​กำลัง​ยืน​ ไม่รู้​ใจ​ที่​​คิด​ ก็​ยัง​ไม่มี​สติ​ ไม่ใช่​จิต​ผู้​รู้​
– ขณะที่​คิดว่า​ “งวด​นี้​ต้อง​ออก​เลข​นี้​แน่​เลย​ เตรียม​รวย​ได้​เลย” ขณะนั้น​กำลัง​คิด​ถึง​อนาคต​ วาด​ฝัน​ปรุงแต่ง​ไป​ จิต​ก็​รู้​เรื่อง​ที่​วาด​ฝัน​นั้น​ ไม่ใช่​จิต​ผู้​รู้​ ไม่มี​สติ

– ถ้า​เดิน​เจริญ​สติ​มา​ เดิน​ด้วย​ความ​รู้สึก​ตัว​ แล้ว​ขณะ​ที่​รู้สึก​ตัว​อยู่​นั้น​ มี​ความ​รู้สึก​ว่า​กาย​นี้​ถูก​รู้​ถูก​ดู​ ขณะ​ก็​มี​จิต​ผู้​รู้​ จะ​รู้สึก​ว่า​กาย​ที่​ถูก​รู้​อยู่​ส่วน​หนึ่ง​ จิต​ที่​เป็น​ผู้รู้​ก็​อยู่​อีก​ส่วน​หนึ่ง​ต่างหาก​
– ถ้ามี​กาย​ที่​เคลื่อนไหว​ใน​ท่า​เดิน​เป็น​ที่อยู่​ของ​จิต​ ผ่าน​แผง​สลาก​กินแบ่ง​รัฐบาล​ สนใจ​สลาก​ เห็น​ว่า​จิต​เผลอ​ ขณะนั้น​มี​สติ​รู้​จิต
– ถ้า​เห็น​ว่า​ความ​เผลอ​ถูก​รู้​ถูก​เห็น​ ขณะนั้น​จึง​จะ​เป็น​จิตผู้​รู้​ผู้​ดู

เมื่อ​มี​จิต​ผู้​รู้​ขึ้นมา​ กาย​ก็​ถูก​รู้​ถูก​ดู​ จิต​ก็ถูก​รู้​ถูก​ดู​ ขันธ์​ ๕​ ที่​เคย​รวม​กัน​เป็น​ตัวเรา​ ก็​แยก​ออก​มา​เป็น​ส่วน​ๆ​ ส่วนหนึ่ง​ถูก​รู้​ ส่วนหนึ่ง​เป็น​ผู้รู้​ ตัวเรา​จริง​ๆ​ไม่มี​ ขันธ์​แต่ละ​ส่วน​ก็​ทำงาน​ของ​มัน​เอง​ ไม่มี​ตัวตน​อะไร​มา​เป็น​เจ้าของ​หรือ​คอย​บงการ

วิธี​ฝึก​ให้​เกิด​จิต​ผู้รู้​ ก็​ฝึก​สติรู้สึก​ตัว​นี่แหละ​ รู้​กาย​บ้าง​ รู้​ใจ​บ้าง​ เผลอ​บ้าง​ รู้​ว่า​เผลอ​บ้าง​ หา​ที่​อยู่​ให้​จิต​ไว้​สัก​ที่​หนึ่ง​ แล้ว​คอย​รู้​ทัน​จิต​ที่​เผลอไป​คิด​ เผลอไป​ดู​ เผลอไป​ฟัง​ แต่​เผลอ​คิด​นี่​จะ​มาก​ที่สุด
ทันที​ที่​รู้​ทัน​จิต​ที่​เผลอ​คิด​ จิต​จะ​หยุด​คิด​ทันที​ทันใด​นั้น​เลย​ จิต​ผู้รู้​ก็​เกิด​ตรงนั้น​เลย

แต่​จิต​ผู้รู้​ที่​ฝึก​นี้ก็​ยังเกิด​ดับ​นะ​ เดี๋ยว​ก็​เผลอ​อีก​ ก็​ต้อง​ฝึก​บ่อย​ๆ​นะ​ มี​ที่อยู่​ไว้​ เผลอ​ปุ๊บ! รู้.. มี​ที่อยู่​ไว้​ เผลอ​ปุ๊บ! รู้​ อย่างนี้​นะ

๑๘ เมษายน ๒๕๖๑


อ่านบน Facebook