#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๑๓
???
#ถาม : การที่เราแกล้งทำเป็นไม่รู้ หรือไม่ตอบคำถามธรรมะกับผู้ที่เข้ามาถามนั้น ด้วยความรู้สึกว่าผู้ถามไม่ได้มีเจตนาที่อยากรู้ในสิ่งที่ถามจริงๆ ถือว่าเราทำผิดหรือไม่ครับ? อยากได้คำแนะนำในการวางตัวในสถานการณ์แบบนี้ครับ
#ตอบ : ที่ว่า “รู้สึกว่าผู้ถามไม่ได้มีเจตนาที่อยากรู้ในสิ่งที่ถามจริงๆ” นั้น มันเป็นอย่างนั้นจริงหรือ?
ลองประเมินตนเองสักนิดว่ามีอคติบ้างหรือไม่
ถ้ามี ก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินผู้อื่นด้วยอคตินั้น
เป็นไปได้ไหมว่า ที่ว่า “รู้สึกว่าผู้ถามไม่ได้มีเจตนาที่อยากรู้ในสิ่งที่ถามจริงๆ” นั้น เป็นแค่ไม่ชอบใจคำถามหรือคนถามนั้น?
และหากเป็นเช่นนั้น ก็ควรรู้ทันความไม่ชอบใจนั้นก่อน
ให้ความไม่ชอบใจดับไป แล้วจึงตัดสินใจว่าจะตอบหรือไม่ และอย่างไร
สมมุติว่า เขาไม่ได้มีเจตนาที่อยากรู้ในสิ่งที่ถามจริงๆ และเราก็รู้ด้วย เมื่อปราศจากอคติและความขัดใจในขณะนั้นแล้ว ก็เลือกว่าจะ..
๑. ไม่ตอบอะไร
แต่การเงียบไปเช่นนี้ ก็อาจจะทำให้ผู้ถามไม่พอใจ และอาจจะเป็นการสร้างศัตรูด้วย เพราะเหมือนเป็นการไม่สนทนาด้วย ซึ่งอาจจะถูกมองได้ว่าไม่สนใจและไม่ให้เกียรติผู้ถาม
๒. ไม่ตอบคำถามนั้น แต่สอนให้เขาเห็นความจริงที่เป็นอยู่
เหมือนตอบไม่ตรงคำถาม แต่มุ่งสอนให้เกิดสติปัญญา
ซึ่งการที่จะทำอย่างนี้ได้ ผู้สอนก็ต้องรู้จริงเห็นจริง และผู้ถามนั้นก็ควรมีศรัทธากับผู้สอนเป็นพื้นฐานอยู่บ้าง
๓. ตอบทำนองว่า “รู้ไม่มากพอที่จะตอบ”
โปรดสังเกตว่าไม่ใช่”แกล้ง”ทำเป็นไม่รู้ เพราะจะกลายเป็นพูดเท็จ
ขอให้ศึกษาการตอบของพระอัสสชิ เมื่อครั้งอุปติสสะปริพาชกถามว่า “พระศาสดาของท่านสอนอย่างไร แนะนำอย่างไร?”
พระอัสสชิทั้งๆที่บรรลุธรรมขึ้นสูงสุดแล้ว ก็ตอบว่า ”เราเป็นคนใหม่ บวชยังไม่นาน เพิ่งมาสู่พระธรรมวินัยนี้ ไม่อาจแสดงธรรมแก่ท่านได้กว้างขวาง แต่จักกล่าวใจความแก่ท่านโดยย่อ”
อย่างนี้ท่านไม่ได้โกหก เพราะท่านก็เพิ่งบวชจริงๆ คือบวชยังไม่ถึงปี
และเมื่อเทียบกับพระพุทธเจ้าแล้ว ท่านก็ไม่อาจแสดงธรรมได้กว้างขวางเท่า เพราะท่านเป็นเพียงสาวก ย่อมรู้ไม่ทั่วถึงอย่างที่พระพุทธเจ้าทรงรู้แน่นอน
๔. ตอบคำถามไป เท่าที่จะตอบได้ ด้วยใจเมตตาและกรุณา
อย่างน้อยคำตอบนั้นอาจจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นที่ร่วมฟังอยู่ด้วย
หลวงพ่อปราโมทย์เคยเล่าว่า สมัยที่ยังเป็นฆราวาส ท่านมีโอกาสได้ไปเรียนธรรมะกับหลวงปู่เทสก์บ่อยๆ ครั้งหนึ่ง เห็นหลวงปู่ตอบคำถามโยมคนหนึ่งเป็นเวลานาน ใจก็สงสารหลวงปู่ว่าต้องมาเหนื่อยกับการตอบนั้น
พอเห็นว่าหลวงปู่ไม่หยุดตอบสักที ใจก็พลิกมาต่อว่าหลวงปู่ โดยพูดในใจว่า ‘หลวงปู่ไปตอบมันทำไม มันไม่ได้ตั้งใจถามเพราะอยากรู้หรอก มันชวนคุยไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง เสียเวลาเปล่าๆ’
แต่หลวงปู่ก็ตอบไป จนเขาพอใจ และลากลับไป
พอคนนั้นคล้อยหลัง หลวงปู่เทสก์ก็หันมาพูดกับท่านว่า “ต้องตอบคำถามเขาหน่อยนะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาจะโกรธ เดี๋ยวจะตกนรก”
ฯลฯ
ที่ใส่ ฯลฯ ไว้ด้วย เพราะในโจทย์ระบุว่า “คำถามธรรมะ” ฉะนั้นผู้ที่จะตอบโจทย์นี้ได้ดีก็ควรเป็นผู้รู้ธรรมะ แต่อาตมายังต้องเรียนธรรมะอีกมาก เชื่อว่าวิธีรับมือกับสถานการณ์อย่างนี้น่าจะไม่จำกัดอยู่เพียงเท่านี้ จึงเผื่อไว้ด้วยหวังว่าผู้รู้ทั้งหลายจะมาช่วยเติม หรือจะช่วยตอบใหม่เลย ก็จะเป็นพระคุณยิ่ง
๒๕ เมษายน ๒๕๖๑