#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๒๔
??
#ถาม : การเจริญวิปัสสนา แล้วใช้ความคิด คิดเอาว่า ‘กายใจนี้ไม่ใช่เรา’ มันจะกลับเข้าสู่อวิชชา หรือไม่?
#ตอบ : การคิดเอาว่า ‘กายใจนี้ไม่ใช่เรา’ อย่างนี้ยังไม่ใช่การเจริญวิปัสสนานะ และยังไม่ได้ละอวิชชา
วิปัสสนา แปลว่า ความเห็นแจ้ง คือเห็นตรงต่อความเป็นจริงของสภาวธรรม
คือมีสติเห็นกาย-ใจ ด้วยใจที่ตั้งมั่น-เป็นกลาง เห็นกาย-ใจแสดงความจริงแง่ใดแง่หนึ่ง คือ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา อย่างนี้จึงจะนับว่าเป็นขั้นเจริญวิปัสสนา
คำสำคัญคือ “เห็น” ไม่ใช่คิด
ซึ่งไม่ใช่เห็นด้วยตาเนื้อ แต่เป็นการเห็นด้วยสติ ที่ประกอบด้วยสมาธิคือจิตตั้งมั่น และมีปัญญาเห็นตามที่เป็นจริง
การคิดดังกล่าว เป็นได้อย่างมากก็เป็นปัญญาในขั้น”สัมมสนญาณ”
ในญาณ ๑๖ เป็นการแสดงรายละเอียดของญาณ(ความหยั่งรู้) ที่เกิดกับผู้เจริญวิปัสสนาเป็นลำดับ มีตั้งแต่ญาณก่อนเจริญวิปัสสนา, ญาณขณะเจริญวิปัสสนา และญาณอันเป็นผล คือเกิดขึ้นหลังจากที่ได้เจริญวิปัสสนาแล้ว ดังนี้
๑. นามรูปปริจเฉทญาณ ญาณกำหนดรู้จำแนกรู้นามและรูป
๒. ปัจจยปริคคหญาณ ญาณกำหนดรู้ปัจจัยของนามและรูป
๓. สัมมสนญาณ ญาณกำหนดรู้ด้วยพิจารณาเห็นนามและรูปโดยไตรลักษณ์
๓ ข้อแรกนี้ เป็นญาณก่อนเจริญวิปัสสนา
๔. อุทยัพพยานุปัสสนาญาณ ญาณอันตามเห็นความเกิดและความดับของรูปและนาม
๕. ภังคานุปัสสนาญาณ ญาณอันตามเห็นความสลาย คือเห็นเด่นชัดในส่วนของความดับ
๖. ภยตูปัฏฐานญาณ ญาณเห็นสังขารปรากฏเป็นของน่ากลัว คือเห็นสังขารทั้งปวงต้องสลายตามข้อ ๕ แล้ว ก็ปรากฏความไม่ปลอดภัย
๗. อาทีนวานุปัสสนาญาณ ญาณอันคำนึงเห็นโทษ คือเห็นตามข้อ ๕ และ ๖ แล้ว ก็เห็นว่าสังขารทั้งปวงล้วนมีความบกพร่อง เต็มไปด้วยทุกข์
๘. นิพพิทานุปัสสนาญาณ ญาณอันเห็นที่ประกอบไปด้วยความหน่าย ไม่เพลิดเพลินติดใจ เพราะเห็นโทษมาตั้งแต่ข้อ ๗
๙. มุญจิตุกัมยตาญาณ ญาณอันใคร่จะพ้นไปเสีย คือปรารถนาจะพ้นจากสังขารเหล่านั้น
๑๐. ปฏิสังขานุปัสสนาญาณ ญาณพิจารณาหาทาง คือมาทบทวนเห็นไตรลักษณ์ เพื่อเจริญปัญญาอันเป็นทางพ้นทุกข์
๑๑. สังขารุเปกขาญาณ ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร คือดิ้นรนขวนขวายตามข้อ ๙ และ ๑๐ แล้ว ก็ย่อมรู้เห็นตามเป็นจริง ว่าสังขารทั้งหลายมีความเป็นอยู่เป็นไปของมันอย่างนั้นเป็นธรรมดา ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา บังคับไม่ได้ ก็วางใจเป็นกลาง
๑๒. สัจจานุโลมิกญาณ ญาณอันป็นไปโดยอนุโลมแก่การหยั่งรู้อริยสัจ พร้อมแล่นตรงสู่พระนิพพาน
ข้อ ๔ – ๑๒ นี้ รวมเรียกว่า วิปัสสนาญาณ ๙
ฉะนั้น ต้องขึ้นมาถึงข้อ ๔ – ๑๒ นี้ จึงจะเรียกได้ว่า เจริญวิปัสสนา
ต่อไปก็เป็นญาณอันเป็นผลจากการเจริญวิปัสสนา คือ
๑๓. โคตรภูญาณ ญาณครอบโคตร เป็นความหยั่งรู้ที่เป็นหัวต่อแห่งการข้ามพ้นจากภาวะปุถุชนเข้าสู่ภาวะอริยบุคคล
๑๔. มัคคญาณ ญาณในอริยมรรค
๑๕. ผลญาณ ญาณในอริยผล
๑๖. ปัจจเวกขณญาณ ญาณพิจารณาทบทวน สำรวจรู้มรรคผล กิเลสที่ละแล้ว กิเลสที่ยังเหลือ (ถ้าถึงอรหัตตผลแล้ว ก็ไม่มีกิเลสเหลืออยู่อีก)
ข้อ ๑๔ และ ๑๕ เป็น โลกุตตรญาณ
ต้องภาวนาให้เกิด”โลกุตตรญาณ” ครบ ๔ ครั้ง จึงจะละอวิชชาได้หมด
๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๑