#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๕๐ ?? #ถาม : อาจารย์คะ โยมจะถามว่า.. ชีวิตเรามีลูกผู้ชายตั้งสี่คน ตอนนี้โยมอายุตั้ง…

#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๕๐
??

#ถาม : อาจารย์คะ โยมจะถามว่า..
ชีวิตเรามีลูกผู้ชายตั้งสี่คน ตอนนี้โยมอายุตั้ง ๘๒ แล้วค่ะ​ ลูกพวกนี้ไม่มีน้ำใจกับเรา เขาว่าเราไปว่าเขาไปเล่าให้ชาวบ้านฟังว่าเขาอย่างนั้น อย่างนี้ อย่างนู้น ที่จริงโยมก็ไม่ได้พูด
ตั้งแต่เขามีเมียคนนี้มานะ​ แต่งงานมา ๑๕ ปี ไม่เคยถามเราว่ากินข้าวหรือยัง​ อะไรหรือยัง งานบ้านไม่เคยช่วยเราทำ ก็คือไม่ค่อยสนใจเราค่ะ แล้วก็มีถ้าเขาไม่พอใจเรา​ เขาก็จะหันซ้าย-หันขวา เวลาโยมทำกับข้าวเขาก็ไม่กิน​ ทำให้เราเครียด

ทุกวันนี้ถ้าเขามีอะไรเขาก็จะฟ้องลูกชาย ทำให้ลูกชายเวลาเจอหน้าเราก็ตาเหล่ๆ​เรา​ ไม่ค่อยพอใจเรา
ถ้าเราผิดอะไรลูกชายก็ต้องถามเรานะ​ ว่าเราเป็นอย่างนี้หรือเปล่า​ เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า นี่เขาไม่ถาม​ มีแต่เกลียดเรา​ มีแต่เหล่เรา

แล้วทุกวันนี้เขาว่าเรา​ ไปบอกชาวบ้านว่าไปว่าเมียเขา แล้วก็ว่าลูกเขาอย่างนี้ โยมบอกลูกอีกคนว่า เขาว่าเราลูกอีกคนนึง​ บอกว่าเขาว่าเรา ก็บอกเขาว่า อั๊วไม่ได้พูดเลย ไม่ได้ว่าลูกให้เขาฟังเลย มีแต่เขาถามว่าผู้หญิงคนนี้เราก็พูดให้เขาฟังบอกว่า เขาน่ะสิบกว่าปีแล้วไม่เคยเรียกโยมกินข้าวสักครั้งนึง เรียกว่ากินข้าวแล้วยัง​ แม่กินแล้วยัง​ อย่างนี้ไม่เคยเลย
ถ้าเขาไม่พอใจอะไรเราอย่างนี้ แต่ที่จริงโยมไม่เคยร้ายอะไรอย่างนั้นนะ ไม่รู้อะไรมันทำไม่ถูกน่ะเวลานั้นเขาก็จะหันซ้าย-หันขวา​ ไม่กินข้าวกับเรา มีแต่พูดอย่างนี้ให้เขาฟัง
แล้วเวลาเราไปหาหมอเช้าหรือเย็นอะไรนอกเวลาอะไร ลูกเราเขาไม่เคยไปสนใจเรา ว่าตอนนี้จะเป็นอย่างไร​ กลับหรือยัง​ ไม่เคยถามเรา แต่เมียเขาอยู่ที่ไหนดึกๆนะ​ เขาก็จะไปรับเมียของเขากลับมาได้

ทีนี้ถามหลวงพ่อว่า​ ทำไมชีวิตเราอย่างนี้ล่ะ จะถามหลวงพ่อว่าฆ่าตัวตายได้มั้ย

แล้วที่ไปบ้านลูกชายคนที่สามเมื่อกี้นี้ เขาก็พูดเรื่องนี้ให้เรา เราก็ฟังแล้วมันตัวอ่อนไป ๆ แล้วก็เดินแล้วก็หกล้มลงไป แล้วก็ไม่มีใครรู้เลยนะว่าเราหกล้ม แล้วเราไม่พูด​ ไม่มีใครสนใจ​ เราจะพูดให้ใครฟัง เราไม่รู้จะทำยังไงเนี่ย

คิดดูตอนนี้โยมนั่งอยู่บ้านเนี่ย ดูโทรทัศน์​(รายการธรรมะสว่างใจ) อยู่ จะถามหลวงพ่อว่าจะคิดยังไงเนี่ย อยากตายอย่างเดียว​ ไม่มีใครสนใจเรา ใครๆก็เข้าใจเราผิดหมดเลย ว่าเราไม่ดี ไม่รู้อะไรไม่ดี​ ไม่เข้าใจเลย
ในชีวิตเรานะไม่เคยให้ลูกได้เดือดร้อนอะไรเลย ไม่เคยเดือดร้อนเขานะ ไปหาหมออะไรไม่เคยเดือดร้อนเขานะ มีแต่เราเสียตังค์เอง
พอกลับมานะไม่มีใครถามแม่ว่า เออ กลับมาแล้วกินข้าวแล้ว​ หมอว่าไง ไม่เคยถามโยมเลย
จะถามหลวงพ่อให้ช่วยว่า จะแก้ไขยังไง​ ให้อยู่ให้ถึงตายได้ กราบรบกวนหลวงพ่อ

#ตอบ : ถ้าให้ช่วยแก้ไขน่ะโอเคนะ​
แต่ถ้าถามว่าจะฆ่าตัวตายนั่นน่ะ ไม่ควรฆ่าตัวตาย​นะ เดี๋ยวฟัง​ต่อทาง​โทรทัศน์​นะ​ …
น่าเห็นใจ
จริง ๆ แล้วเนี่ย​ ถ้าจะบอกว่าฆ่าตัวตาย มันเป็นการซ้ำเติมตัวเอง มันควรจะทำชีวิตจากนี้ไปจนตาย​เนี่ย​(ให้​เป็น​กุศล​มากที่สุด)​
ถ้ามันจะตายให้มันตายเอง..ไม่ต้องไปฆ่า เพราะเราก็อายุมากแล้ว แปดสิบกว่าแล้วเนี่ย ควรจะใช้เวลาจากนี้ไปจนถึงวันตายเนี่ยนะสั่งสมกุศลให้มากที่สุด

กุศลง่ายๆเลยก็คือ ให้รู้ทันว่า..ขณะนี้จิตมันเป็นอกุศล
ตอนรู้ว่าจิตมันเป็นอกุศลเนี่ยนะ ตอนที่รู้..จิตเป็นกุศลทันที
อย่างที่พระพุทธเจ้าสอนพระเนี่ยนะ สอนโยมด้วย ก็คือว่า ให้รู้จิตที่มีราคะ มีโทสะ มีโมหะ ฟุ้งซ่าน หดหู่

อย่างโยมกำลังคิดอย่างนี้นะ..เข้าอยู่ในข่ายหดหู่ ก็รู้ว่าจิตมันเป็นอย่างนี้​ มันไม่ใช่เรา​ มันเป็นเพียงสภาวะที่เกิดขึ้นชั่วคราว
เวลาใจมันหดหู่ขึ้นมา​ หรือว่ามองลูกชายบ้างลูกสะใภ้บ้าง​ แล้วไม่ชอบใจ​ ไม่พอใจ​ ก็​อย่าไปแสดงออกด้วยคำพูดหรือหน้าตาตามที่​กิเลส​สั่ง คืออย่าให้กิเลสครอบงำ​ ให้รู้ทันกิเลสก่อน

กิเลสเกิดขึ้นมา​ เช่นมันไม่ชอบใจ มันหดหู่ มันน้อยใจ อย่างนี้นะ​ ให้รู้ทันกิเลสเหล่านี้
อย่าเอาความไม่ชอบใจ ความน้อยใจ​ ความหดหู่นี้ บันดาล​ให้​เราไปพูดหรือไปแสดงออก เพราะทันทีที่เราพูดด้วยความน้อยใจ ความหดหู่หรือความไม่ชอบใจเนี่ยนะ​ มันจะเป็นคำพูดที่ไม่น่าฟัง

ลูกชายเราแท้ๆเลย เวลาเราหดหู่นะ​ หรือว่าเราพูดด้วยความไม่ชอบใจเนี่ย แม้แต่เป็นลูกชายเรา เขาฟังแล้วก็รู้สึกว่าไม่ค่อยอยากฟังมันเลย เขาก็แสดงออกประมาณอย่างที่โยมเห็นนั่นแหละ ลูกสะใภ้เราก็เหมือนกัน ถ้าเราไปต่อว่าไปเรียกร้องอะไรเขามาก​ เขาก็จะไม่ค่อยชอบใจ

ฉะนั้น เราหาที่พึ่งของเราให้ได้​ แล้วก็ไม่หวังจะไปพึ่งเขาดีกว่า

ที่พึ่งได้ง่ายๆเลยคือ ที่พึ่งทางใจ เราเตรียมตัวที่ว่าเราจะเดินทางต่อในสังสารวัฏ​ ก็คือว่า ถ้าโยมต้องการจะตายก็ควรจะตายอย่างสง่าผ่าเผย ตายอย่างพร้อมจะตาย ก็คือว่า มีจิตใจที่เป็นกุศลก่อนตาย

ฉะนั้น อย่าไปจมกับความคิดน้อยใจ อย่าไปจมกับความคิดที่ว่า​ “คนอื่นทำไม่ดีกับเรา เราควรจะได้รับการดูแลหรือเอาใจใส่จากคนนั้นคนนี้มากกว่านี้” ถ้าคิดอย่างนี้แสดงว่ามีความน้อยใจ ให้รู้ทันความน้อยใจที่เกิดขึ้นในใจ
เราเวลาจะพูดอะไรกับใครให้รู้ใจตรงนี้ก่อน ให้จิตเป็นปกติก่อน

ถ้าจิตผิดปกติไปเนี่ย​ เวลาพูดก็จะพูดอย่างที่เคยพูดมาเนี่ยนะ พูดไปแล้วก็ไม่มีใครอยากฟัง พูดไปแล้วเขาก็รำคาญใจ
ฉะนั้น เวลาจะพูดให้พูดไพเราะ
ถ้าพูดลับหลังให้พูดแบบสรรเสริญ
พูดกับคนข้างบ้าน​ ก็ให้หาแง่มุมที่ดีของลูกๆรวมทั้งลูกสะใภ้ด้วย​ ไป​คุย
พูดกับคนที่บ้าน ใครมาเยี่ยมเราที่บ้าน อย่าไปนินทาลูกชาย อย่าไปนินทาลูกสะใภ้ ให้หาแง่มุมดีๆของลูกชาย ให้หาแง่มุมดีๆของลูกสะใภ้ มาพูดให้คนฟัง
มองเขาในแง่ดีหรือว่าหาแง่ดีของเขามาบอกกล่าวต่อ

ถ้าเรามองเขา​(ไม่​ดี)​ หรือว่าเราเก็บเอาเรื่องราวที่ไม่ดีมาคิด​ หรือว่ามาพูดต่อเนี่ยนะ ทุกครั้งที่เราเก็บเอาเรื่องราวมาพูดต่อ เล่าต่อกับคนอื่นเนี่ย​ ใจเรา​ก็จะไม่ดีไปด้วย เราจะไม่ชอบใจ เราจะไม่พอใจ​ พูดแล้วก็จะยิ่งตอกย้ำความไม่ชอบใจ ความไม่พอใจ ความน้อยใจ ความหดหู่ที่เกิดขึ้นกับใจซ้ำแล้วซ้ำอีก

ดังนั้นเปลี่ยนใหม่ มองแง่ดีของเขาให้ออก ถ้ามองไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงเขา
แล้วถ้าไม่พูดถึงเขาไม่คิดถึงเขา แล้วเราจะพูดถึงใครคิดถึงใคร?
ก็มาคิดถึงพระพุทธเจ้า คิดถึงพระธรรมคำสอนของพระองค์ คิดถึงพระสงฆ์ที่เป็นพระสุปฏิปันโน นึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์แล้วมีใจแช่มชื่นเบิกบาน​ อย่างนี้นะ ทำใจให้มันเป็นกุศลแช่มชื่นเบิกบานบ่อยๆ

วิธีทำใจให้แช่มชื่นเบิกบานบ่อยๆ ทำง่ายๆ​ อีกวิธีหนึ่งคือ สวดมนต์
สวดมนต์ก็จะสวดมนต์ถึงพระพุทธคุณ ถึงธรรมคุณ ถึงสังฆคุณ
“อิติปิ​ โส​ ภะคะวา อะระหัง​ สัมมา​สัมพุทโธ” ..
หรือว่าสวดตามที่โทรทัศน์เปิดสวดทำวัตรเช้า-เย็นนี้ก็ได้
สวดไปจนคล่องปาก​ สวดบ่อยๆ

เวลาเจอใครก็ยิ้มให้ ไม่หน้าบึ้ง ไม่เรียกร้องให้ใครมาเอาใจเรา เพราะเราไม่ต้องพึ่งใคร เราพึ่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เราพึ่งตนเอง จะพัฒนาตนเองให้แจ่มใสเบิกบานขึ้นมาด้วยใจของตนเองให้ได้ ไม่ไปหวังพึ่งคนอื่น

ถ้าหวังพึ่งคนอื่นนะ..จะผิดหวัง
ผิดหวังแล้วก็มานั่งน้อยใจ บ่น.. อย่างนี้นะ ยิ่งบ่นเราก็ยิ่งทุกข์
ดังนั้นหยุดบ่น ตอนนี้เราจะทำใจให้เป็นกุศลแล้ว นึกถึงพระพุทธเจ้า สวดมนต์ไปนึกไปแล้วก็ยิ้มไป

ถ้าจะพูดถึงคนอื่นให้พูดในแง่ดี
พอพูดถึงคนอื่นในแง่ดีแล้ว จะมีสิ่งดีๆกลับเข้ามา คนอื่นเขาจะไปแก้ต่างแทนเราด้วย
พอเวลาลูกชายลูกสะใภ้มาคุยกับคนอื่นนะ พูดถึงเราในแง่ไม่ดี คนอื่นที่เขาเคยฟังเราชมลูกชายลูกสะใภ้เนี่ย​ เขาจะแก้ต่างให้เราว่า “ไม่จริงนะ อาม่าเนี่ยพูดถึงเธอดีนะ อาม่าพูดชมเธอนะ” เนี่ยเขาจะแก้ต่างให้เรา

ลองทำวิธีนี้ดูนะ​ แล้วชีวิตจะดีขึ้น

เรียบเรียงจากตอบปัญหาธรรม
โดย..พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เมื่อวัน​พุธที่ ๑๖ มกราคม ๒๕๖๒
ในรายการ “ธรรมะสว่างใจ“
สถานีดาวเทียมพุทธภูมิ SBBTV 999
ณ วัดสังฆทาน จ.นนทบุรี
ไฟล์ วิดีโอ ๑๖ ม.ค.๖๒ ธรรมะสว่างใจ
ระหว่างเวลา ๒๗.๔๗ – ๓๘.๑๑
https://youtu.be/B5-VL8-XYws


อ่านบน Facebook