#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๘๐
??
#ถาม : ผู้ที่ปฏิบัติที่มีจิตวิปลาส เกิดจากสาเหตุอะไร?
#ตอบ : ส่วนใหญ่แล้วมักจะไปเกิดนิมิตขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นนิมิตภาพหรือเป็นเสียง มาบอกมาสอน อะไรก็ตาม แล้วยึดถือหรือเข้าใจผิดคิดว่าเป็นจริง
บางคนก็จะเห็นเป็นพระพุทธเจ้ามาสอน บางคนก็จะเห็นเป็นครูบาอาจารย์มาสอน แล้วก็เชื่อ บางคนอาจจะเห็นเป็น เทวดาองค์ใดองค์หนึ่งมาสอน และก็เชื่อไปตามที่นิมิตนั้นสร้างขึ้นมา บางทีไม่ได้เห็นภาพ มีแต่ได้ยินเสียง มาบอกมาสอน ไปเชื่อตาม
พอเชื่อตามก็จะกลายเป็นว่าเชื่อนิมิต หลงนิมิต
อย่างนี้ ครูบาอาจารย์จะเรียกว่า ถ้าทำตามสิ่งที่มาปรากฏกับจิต ซึ่งเป็นนิมิตนี่นะ จะกลายเป็นพวกที่เป็นวิปลาส
บางคนก็มีเสียงบอกว่า “ให้จุดไฟสิ แล้วก็เอาเท้าลนไฟไป ถ้าทนได้จะบรรลุมรรคผล” ถ้าเชื่อและทำตามนะ ก็เรียกว่าไม่มีสติยั้งคิด กลายเป็นผู้ที่ปฏิบัติและเกิดวิปลาส เชื่อว่าทรมานตัวเองแบบนี้แล้วจะบรรลุมรรคผล อย่างนี้ก็เรียกว่า มีนิมิตเกิดขึ้น อย่างใดอย่างหนึ่ง แล้วก็ไปหลงเชื่อ
จะเรียกบุคคลแบบนี้ว่าปฏิบัติแล้วไปหลงนิมิตก็ได้ หรือว่าปฏิบัติแล้วเกิดวิปลาสก็ได้
แต่จริงๆ แล้ว วิปลาสนี่นะ เป็นศัพท์ที่มาใช้ทีหลัง “วิปลาส” เนี่ย ไม่ต้องบ้าก็ได้
วิปลาส แปลว่า ความเห็นหรือความเข้าใจคลาดเคลื่อนตัวสภาพที่เป็นจริง
คนปุถุชน.. เห็นของไม่สวย..ว่าสวย ก็เรียกว่าวิปลาสแล้วนะ!
เห็นของไม่เที่ยง..ว่าเที่ยง นี่ก็เรียกว่าวิปลาส
เห็นของเป็นทุกข์..ว่าเป็นสุข ก็วิปลาส
เห็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตน..ว่าเป็นตัวตน ก็เรียกว่าวิปลาส
พระอรหันต์ ละวิปลาสได้ทั้งหมด
พระอนาคามี ละวิปลาสในแง่ “เห็นรูปที่ไม่งาม..ว่างาม, เห็นเวทนาที่เป็นทุกข์..ว่าเป็นสุข” ได้
พระโสดาบันและพระสกิทาคามี ละวิปลาสในแง่ “เห็นกายใจที่ไม่เที่ยง..ว่าเที่ยง, เห็นกายใจที่ไม่ใช่ตัวตน..ว่าเป็นตัวตน” ได้
ฉะนั้น คำว่า “วิปลาส” ถ้าในแง่ของพุทธศาสนาเนี่ย คนที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ ก็วิปลาสทั้งหมด เพราะยังเห็นกายไม่สวยไม่งาม..ว่าสวยงาม เห็นจิตที่ไม่เที่ยง..ว่าเป็นของเที่ยง เป็นต้น
จิตนี้ไม่เที่ยง เห็นว่าจิตเป็นของเที่ยง นี่ก็เรียกว่าวิปลาส
เห็นของเป็นทุกข์..ว่าเป็นสุข ชีวิตฉันเป็นสุขเหลือเกิน ไม่มีทุกข์เลย ไม่สนใจธรรมะ อย่างนี่ก็วิปลาส
เห็นของไม่ใช่ตัวเรา..ว่าเป็นตัวเรา เห็นว่ามีตัวเรา หรือเห็นว่ากายนี้ใจนี้คือตัวเรา เหมือนอย่างปุถุชนทั่วๆไปเนี่ย นี่ก็วิปลาสอยู่
พระโสดาบันเนี่ย ละวิปลาสได้บางส่วนแล้ว แต่ยังมีความเห็นว่า กามยังนำสุขมาให้ เห็นสุขในกาม ทั้งๆ ที่กามนี่เป็นบ่อเกิดแห่งทุกข์อยู่ ไม่เห็นความจริงตัวนี้ ก็ยังวิปลาสบางส่วน
แต่ก็ดียังมีทุกข์น้อยลงแล้ว เพราะว่าเริ่มเห็นแล้วว่า กายนี้ใจนี้ไม่ใช่เรา เหตุแห่งทุกข์ก็น้อยลงไปเยอะ
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
เรียบเรียงจากตอบปัญหาธรรม
รายการ”ธรรมะสว่างใจ” เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๒
ลิงค์วีดีโอ https://youtu.be/ekk5zVUNPuc
(นาทีที่ 1:52:10 – 1:55:10)