#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๒๐๘ #มีความทะนงตัวว่าตนดีกว่าผู้อื่น ?? #ถาม : น้องสาวของโยมอยู่กับแม่ แล้วก็ดูแลแม่อยู่ น้องสาวสวดมนต์เยอะมาก และมักคิดว่าเธอทำถูกแล้ว และตนเป็นคนดีกว่าคนอื่น น้องมักเอาความคิดของตัวเองพูดให้แม่เชื่อแต่ตัวเธอเอง และคนอื่นไม่ดีเท่าเธอ เราจะมีวิธีแก้ไขตัวเธอ?หรือว่ามีการปรับปรุงความคิดนี้ได้อย่างไรดีเจ้าคะ? #ตอบ : มันพูดยาก.. คือเจ้าตัวต้องมารู้ตัวเอง ตัวน้องสาวต้องเห็นความผิดพลาดของตัวเอง ในแง่ที่ว่า ตัวเองทำดีนะดีแล้ว แต่ถ้ามันเลยเถิดถึงขั้นมองคนอื่นไม่ดี เรียกว่าขณะนั้นมี “มานะ” มีความทะนงตัว มีความคิดในเชิงเปรียบเทียบระหว่างตนเองกับผู้อื่น เป็น “อุปกิเลส” ตัวหนึ่ง คนที่จะมาดูตรงนี้ได้ ต้องเจริญสติสักหน่อย ก็คือ มีสติรู้ทันจิตใจตัวเอง กิเลสตัวนี้เป็นกิเลสที่พอรู้แล้วจะละอาย เจ้าตัวจะละอาย แต่ถ้ามีคนอื่นมาบอกนี่นะ..จะโกรธ เขาเองควรจะรู้ของเขาเอง ถ้าคนอื่นไปเตือนนี่นะ คนเตือนเนี่ยจะเสี่ยงมาก ครูบาอาจารย์เวลาเห็นลูกศิษย์มีมานะนี่นะ จะต้องดูก่อนว่าคนนี้ พร้อมจะรับฟังไหม? ถ้าพร้อมรับฟัง..ก็จะบอกได้ ถ้าไม่พร้อมจะรับฟังนี่นะ..บางทีท่านก็ปล่อยไปก่อน ยังไม่บอก ท่านบอกว่า “เปรียบเหมือนควาย มันอาจจะแว้งขวิดเราได้” อุปกิเลสที่เรียกว่ามานะถือตัว คือเห็นว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นเนี่ยนะ.. .. ไอ้ความดีน่ะ.. ดี! แต่ตัวที่ถือว่า “ตัวเองดีกว่าคนอื่น” น่ะ..ไม่ดี! เพราะฉะนั้น เวลาเราเจอบุคคลที่มีมานะ จะทำอย่างไรให้เขารู้สึกตัวได้? ก็ต้องให้เขาลองเจริญสติ ลองหาซีดีธรรมะของครูบาอาจารย์ในแง่ของสอนเจริญสติดูจิต ให้เขาไปฝึก บางทีเขาฝึกๆไป เห็นความไม่ดีของตัวเอง.. อย่างนี้เริ่มง่ายล่ะ!.. แต่ถ้ายังเห็นความดีของตัวเองอยู่เรื่อยๆนี่นะ อย่างนี้ก็ยังเรียกว่าเป็นการยากอยู่ แม้เราจะไปเตือน.. พี่ไปเตือน.. พระไปเตือน ก็อันตรายทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็นพระหรือจะเป็นพี่ก็อาจจะถูกแว้งกัดเอาได้ ฉะนั้น คนที่มีมานะ ถือตัว ทะนงตัว บางทีอาจต้องได้รับบทเรียนแบบเจ็บๆ ประมาณว่าทำให้อายขายหน้า แล้วตัวเองก็จะรู้สึกว่า “โอโห้! บทเรียนครั้งนี้แพงมาก” เช่น มีอยู่คนหนึ่ง รู้สึกว่าตนเองเนี่ยภาวนาดีมากเลย ไปกราบเรียนกับครูบาอาจารย์ว่า “ดิฉันภาวนามาถึงขั้นที่ไม่โกรธแล้ว” ไม่โกรธแล้วเหมือนเป็นพระอนาคามีแล้ว! ครูบาอาจารย์ดูแล้วไม่ใช่..ท่านก็ด่าเลย “อีตอแหล!” อย่างนี้นะ อย่างนี้ครูบาอาจารย์ท่านทำได้ พอบอกโดนด่าว่า “อีตอแหล” เท่านั้น.. โยมคนนั้นโกรธเลย ทั้งๆที่เมื่อกี้บอกว่า.. ภาวนามาถึงขั้นที่ไม่โกรธแล้วนี่นะ มันโกรธเลย.. ลืมตัว ชี้หน้าว่าพระเลย..”พระอะไร.. พูดจาหยาบคาย!” แล้วก็เดินตึงตังๆออกนอกวัดไปเลย พ้นวัดไปแล้ว จึงรู้ตัวว่า “อ้าว! เมื่อกี้เราโกรธซะแล้ว” ก็เลยเห็นความไม่ดีของตัวเอง เห็นความผิดพลาดของตัวเอง แล้วจึงกลับไปกราบขอขมาและขอขอบคุณครูบาอาจารย์ที่่ท่านชี้ให้เห็นว่าเรายังมีกิเลส นี่โยมคนนี้ดีนะ ที่ยังเห็นกิเลสของตัวเอง แล้วกลับมาขอขมากับครูบาอารย์ท่านนั้น นี่เรียกว่า.. อาจจะต้องเจอครูบาอาจารย์ที่แบบโหดๆ อย่างนี้บ้าง ทีนี้ ถ้าเราไม่ถึงขั้นครูบาอาจารย์จะไปเตือนแบบนั้น คือเขาไม่ศรัทธาเรามากพอ เราก็รอรอจังหวะก่อน บางที่อาจจะยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะมาเห็นกิเลสตัวนี้ของเขา อดทนหน่อย! พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากการตอบปัญหาธรรม ในรายการ”ธรรมะสว่างใจ” เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๕๖๒ ลิงค์วีดีโอ https://youtu.be/apvXItStMqw (นาทีที่ 1:23:10 – 1:27:52) Shortlink: November 28, 2019นิมฺมโลตอบโจทย์admin อ่านต่อFacebookTwitterLine