#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๒๑๔ #วางใจยังไงเพื่อไปสุคติภูมิ ?? #ถาม: ปุถุชนทั่วไป ซึ่งค่อนข้างจะ​ไม่รู้เกี่ยวกับพุทธศาสนามากมาย​ ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ควรวางจิตอย่างไร ที่ให้พ้นจาก​นรก หรือเดรัจฉานครับ​​? #ตอบ​: ถ้าจะให้อาตมาแนะนำ​ก็คือ อย่ารอถึงวันตาย!​ คนปุถุชนชนทั้งหลาย​ ที่ตามสเปคที่โยมว่ามานี้นะ​ ถ้ารอถึงวันตายเนี่ย..ช่วยยาก​ ก็ต้องให้เขามาตระหนักความจริงที่ว่า คนเราเกิดมาต้องตายนะ แล้วทางไปหลังจากตายเนี่ย​ มันไปได้หลายทาง​ มีทั้งไปดีและไปไม่ดี​ ไปสุคติกับไปทุคติ ถ้าใจเรามีทุนไม่พอที่จะไปสุคติ​ มันก็มีโอกาสมากเลยที่จะไปทุคติ ใช่ไหม? เพราะฉะนั้น ไม่ใช่หวังว่าไปวางใจยังไงตอนใกล้ตาย​ แต่ควรจะลึกถึงความตายเสียแต่บัดนี้​ แล้วสร้างเหตุที่จะไปสุคติ​ ถ้าต้องการจะเวียนว่ายตายเกิดต่อนะ​ ก็สร้างเหตุที่​จะไปสุคติซะตั้งแต่เดี๋ยวนี้​ อะไรที่ควรทำ สิ่งที่จำเป็นสิ่งเร่งด่วน เพื่อที่จะเตรียมตัวไปสุคติ ก็ต้องทำซะแต่เดี๋ยวนี้เลย​ ศึกษาวิธี..ถ้าไม่รู้​..ก็เข้าหาครูบาอาจารย์ว่าต้องทำอะไรบ้าง​? สรุปง่าย​ ๆ​ สิ่งที่ต้องทำ​ก็คือ​… ให้ทาน​ รักษาศีล​ เจริญภาวนา ก็คือ การทำบุญ​ นั่นเอง การทำบุญ ก็ควรให้เกิดมีความอิ่มอกอิ่มใจในการทำด้วย​ ไม่ใช่รู้สึกว่าถูกบังคับให้ทำ​ ถ้าถูกบังคับให้ทำ เจ้าตัวให้ทานไปก็รู้สึกว่า “เสียดาย​!” แทนที่จะได้บุญมาก​ บางทีอาจจะได้บาปด้วยซ้ำไป มัวแต่คิดเสียดาย หรือ​มัวแต่คิดตำหนิผู้รับอย่างนี้นะ​ ก็บางทีมันไม่คุ้ม​ #เรื่องการให้ทาน : ก็ต้องให้เขาเห็นประโยชน์ จากการที่จะสละสิ่งของให้กับบุคคลอื่น ได้รับความชุ่มชื่นใจ​ ที่ได้เห็นคนอื่นรับสิ่งของที่เราสละไปนั้น​ แล้วผู้รับเขามีความสุขขึ้น​ มีชีวิตที่ดีขึ้น​ เห็นเขามีชีวิตดีขึ้น​ เราผู้ให้ก็อิ่มอกอิ่มใจ​ #เรื่องการรักษาศีล : ก็ควรจะรู้สึกว่า “การระวังรักษาการแสดงออกทางกายวาจา​ ที่จะไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น​ ไม่ไปล่วงเกินคนอื่น​“ เป็นเรื่องดี เป็นการดี ที่ได้ทำตนให้ไม่ทำให้คนอื่นเขาเดือดร้อน​ ด้วยการ.. – ไม่ไปทำร้ายชีวิตเขา – ไม่ไปทำลายทรัพย์สมบัติของคนอื่นเขา – ไม่ไปทำลายคนรักของคนอื่นเขา – ไม่ไปพูดร้าย ๆ ทำให้คนอื่นเขาต้องเสียผลประโยชน์ต่าง ๆ นะ​ คือ​ ไม่พูดปด,​ ไม่พูดส่อเสียด,​ ไม่พูดคำหยาบ,​ ไม่พูดเพ้อเจ้อ​ – แล้วก็รักษาตนเองให้เป็นผู้มีสติ​ ให้สังคมหรือคนที่อยู่รอบข้างที่พบเราแล้ว​ เขารู้สึกปลอดภัย ก็คือทำตนให้เป็นผู้ไม่มึนเมา รักษาตนด้วยการรู้ว่าถ้าเสพสิ่งนี้แล้วมึนเมา..อย่าไปยุ่ง​! อย่าไปเกี่ยว ยุคนี้​ ก็มีเสพวัตถุที่ทำให้เรามึนเมาได้หลายอย่าง..ก็ต้องหลีกเลี่ยงมัน แล้วก็ไม่พาตนเองไปในที่ที่อันตราย ที่เราอาจจะต้องไปเสพสิ่งเหล่านี้ด้วย ก็คือ..พัฒนาตนเอง​ ด้วยการ “ระวังรักษาการแสดงออกทางกายวาจา​ ที่จะไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น​ ไม่ไปล่วงเกินคนอื่น​“ #เรื่องการเจริญภาวนา : พอพัฒนาตนเองด้วยการทำบุญได้ถึงรักษาศีลแล้ว ก็ต้องพัฒนาไปถึงขั้นที่จะพัฒนาจิตใจด้วย..ด้วยการทำสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา ภาวนามี ๒ เรื่อง คือ สมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนา “สมถะ” คือ รู้จักทำจิตให้สงบบ้าง​ ที่มันฟุ้งซ่านวุ่นวายเนี่ย​..ก็รู้จักทำความสงบบ้าง​ ทำความสงบได้แม้เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วนะ​..จะรู้สึกแล้วว่า​ “ไอ้ความสงบเนี่ยนะ​ มันดีจังเลย​!” เราวุ่นวายมามากเนี่ยนะ​..พอสงบไปนิดเดียว จะรู้สึกว่า.. “ไอ้ที่​เราสงบเนี่ย! เป็นความสุขอย่างมากเลย” “ไอ้ที่วุ่นวายทั้งหมด​เนี่ย!​ มันเป็นเรื่องหยาบ ๆ แล้วก็ใจเป็นทุกข์​” พอได้สงบสักนิดนึง ได้ลิ้มรสของความสงบนะ​..ก็จะมีกำลังใจที่จะภาวนาต่อ​ ทีนี้พอสงบแล้วเนี่ย!​ อย่าให้สงบเพียงแค่พัก​..แล้วก็ฟุ้งใหม่​ สงบแล้ว​..ฟุ้งใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้เฉย​ ๆ​ ก็ให้ความสงบนั้นมาเป็นบาทฐานให้เกิดความเข้าใจชีวิตจริงอันนี้ด้วย​ หาความจริงของชีวิตที่ว่า​ “กายนี้..ตกลงมันเป็นเราหรือเปล่า​?” “ใจนี้..มันเป็นเราหรือเปล่า?” ที่เราเศร้า​ หรือที่เราทุกข์ทุกวันนี้​ เพราะว่า​มันมีการยึดถือ​ กายนี้..เป็นเรา​ ใจนี้..เป็นเรา​ แล้วพยายามแสวงหาอะไร​ต่างๆ มาสนองเรา​ ใครมาขัดขวาง..ก็โกรธเขา​ กายมันจะเจ็บ​ จะป่วย..ก็เดือดร้อนใจ​ กายมันจะตาย..ใจก็กระวนกระวาย​ จิตใจ​ที่กระวนกระวายนั่นแหละ!​ จะพาไปทุคติ​ ถ้าเจริญวิปัสสนาด้วย..ก็จะเห็นความจริง มันเป็นธรรมดาอย่างนี้​ ยอมรับความจริงได้​ เพราะวิปัสสนา คือ กระบวนการเรียนรู้กายใจตามที่มันเป็น มันจะแก่​ จะเจ็บ​ จะตาย.. ก็ไม่เป็นทุกข์​ ไม่ไปเดือดร้อนอะไรกับมัน​ แต่รักษานะ! รักษามัน​ รักษา..เพื่อเอาชีวิตมาภาวนาต่อ​ มาพัฒนาจิตใจของเราให้เต็มที่​ แต่ถ้ามันถึงที่สุดแล้ว รักษาไม่ได้​ มันป่วย​..ถึงขั้นที่จะต้องตายแล้ว​ หรือว่า​ มันแก่​..จนกระทั่งมันจะต้องตายแล้วเนี่ยนะ​ ก็รับความจริง ไม่ทุกข์กับมัน​ เพราะเห็นมามากแล้ว เรียนรู้กายใจตามที่มันเป็นมามากแล้ว อย่างนี้นะ​ การที่เราภาวนา ก็เพื่อที่จะมาถึงวาระสุดท้าย เห็นว่า..มันเป็นธรรมดาของมันอย่างนี้​ ไม่เสียดาย ไม่อาลัยอาวรณ์​ เข้าใจความจริงของมัน ใจที่มันมีปัญญาอย่างนี้​ ถ้าแม้ว่าไม่บรรลุมรรคผล ก็จะไปสู่สุคติ​ แล้วก็จะไปภาวนาต่อที่สุคตินั้นได้ด้วย ไม่เหมือนกับคนที่ฟลุ๊ค ๆ ตายไปเป็นเทวดา​นะ ฟลุ๊ค ๆ เป็นเทวดานี่นะ ไปเป็นเทวดาแล้ว..ก็เพลิน​.. ไม่ได้ภาวนาอะไรต่อหรอก​ ใช้ชีวิตเสวยบุญ​ หมดบุญ..แล้วก็ต้องตาย ตกอบายอยู่ดี​ ! เพราะวิบากกรรมก็ยังรอให้ผล และยังไม่เคยชินที่จะภาวนาเติมบุญกุศลให้พ้นทุกข์ ฉะนั้นก็ แทนที่จะรอให้ “ถึงวันถึงเวลาสุดท้ายก่อนที่จะตาย​ แล้วจะวางใจยังไง?” เนี่ยนะ​ คิดอย่างนี้ประมาทไป​ ต้องทำตั้งแต่เดี๋ยวนี้! พระอาจารย์กฤช​ นิมฺมโล เรียบเรียงจากการตอบปัญหาธรรม ในรายการ​ “ธรรมะสว่างใจ” วันที่​ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ลิงค์วีดีโอ https://youtu.be/W8m1Tx0SPQ0 (นาทีที่​ 1:23:44​ -​ 1:30:17)

อ่านต่อ