#นิมฺมโลตอบโจทย์ #ภาวะซึมเศร้า #ยิ่งคิดยิ่งเศร้า ?? #ถาม: โยมไม่สบายเป็นโรคซึมเศร้า ขอความเมตตาพระอาจารย์ ช่วยแนะนำแนวทางในการปฏิบัติธรรม ที่เหมาะสมกับคนอื่น ๆ ที่ไม่สบายแบบหนู? และขอให้เป็นกำลังใจจากพระอาจารย์ด้วย #ตอบ: ขอกำลังใจ หรือ ขอเป็นกำลังใจ ? ..ถือว่าเป็นกำลังใจก็ได้นะ แสดงว่าที่เราพูดอยู่เนี่ยมีคนฟังนะ ถือว่ามีกำลังใจ แต่ถ้าในแง่ของการให้กำลังใจ ก็หมายความว่า.. อาตมภาพคือ พระกฤช และท่านอาจารย์ชัยชนะ ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับโยมที่ถามเข้ามา ที่ว่า “มีภาวะซึมเศร้า”ใช่ไหม? ภาวะซึมเศร้า..ควรจะหางานทำ อย่าอยู่คนเดียว! หาอะไรทำ อย่าอยู่นิ่ง ๆ เงียบ ๆ เพราะว่าภาวะซึมเศร้ามันเกิดจาก.. การที่อยู่นิ่ง แล้วมัน “ไม่นิ่งจริง”!!! ใจเนี่ย..มันคอยคิดนึก ที่ว่าคิดนึกเนี่ย..ก็ไม่ได้คิดเรื่องบุญด้วยนะ คิดแล้วเบียดเบียนตัวเอง !! เบียดเบียนอย่างไร? คือคิดแล้วยิ่งเศร้า คิดแล้วยิ่งทุกข์ คิดแล้ววนไปวนมา ยิ่งคิดยิ่งเจ็บ ยิ่งคิดยิ่งเจ็บ ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกทิ่มแทง..โดนทิ่มแทง ! ไม่มีใครทิ่มแทง แต่คิดเอง และทิ่มเอง !! เพราะฉะนั้น ถ้าอยู่นิ่งเมื่อไหร่ มันจะมีภาวะเกิดการคิดวน และเอาความคิดอันนั้นมาทิ่มแทงตัวเอง ให้เกิดความเจ็บใจ เกิดความเศร้าหมอง เกิดความซึมเศร้า เพราะฉะนั้น ถ้าอยู่นิ่งแล้วมันเกิดภาวะอย่างนี้ อย่าปล่อยให้อยู่นิ่งนาน ควรหางานอดิเรกทำ คนที่จะพ้นจากตรงนี้ไปได้ต้องเป็นคนที่.. ๑. อดทน ๒. ขยัน ๓. เปิดเผยตัวเอง ไม่เก็บงำความรู้สึกของตัวเองเอาไว้ แต่ไม่ใช่ว่าไปเที่ยวไปไม่ชอบใจ ก็ไปด่าเขาเลย ไม่ใช่อย่างนั้นนะ หมายถึงว่าถ้าเรามีความรู้สึกอย่างไร ก็เปิดเผยความรู้สึกนั้น เรามีความไม่ชอบใจตรงนี้ ก็ไปบอกเขาว่าเรามีความไม่ชอบใจตรงนี้ “ที่คุณพูดอย่างนี้มานะ เรารู้สึกไม่โอเค (o.k)” อะไรอย่างนี้ ก็บอกเขาได้ หางานทำ อย่าอยู่นิ่ง อย่าบอกว่างานไม่มี ในบ้านนะ ลองไปเก็บให้มันมีระเบียบขึ้นมา เก็บไปแล้วเนี่ยจะมีฝุ่นมีผงอะไร ก็ปัดกวาด ปัดกวาดย่างเดียว ไม่สะอาด ต้องลงมือเช็ดด้วย เช็ดอย่างเดียวผ้าแห้ง ๆ ไม่ได้ ต้องเช็ดแบบชุบน้ำ แล้วหมาด ๆ เช็ดไป กว่าจะเช็ดได้รอบบ้านเนี่ย..นานเลย ในระหว่างนั้น ใจมันจะมีเผลอแว๊บ.. เผลอไปคิดเรื่องนั้นซ้ำอีกแล้ว เผลอไปคิดเรื่องที่ตัวเองซ้ำชอกใจ ทีนี้ตอนเผลอเราจะเห็นจิตที่เผลอได้ง่ายขึ้น โดยมี “งาน” ..งานบ้านนี้แหละ งานบ้าน งานเช็ดถู งานปัดกวาด งานดูแลต้นไม้ อะไรอย่างนี้นะ เอางานนั้นเป็นที่อยู่ของใจ เอาใจจดจ่ออยู่กับงาน ถ้ามีสักแว๊บหนึ่งเผลอไป คิดเรื่องที่ทำร้ายตัวเอง ทำร้ายจิตใจตัวเอง เรื่องที่คิดไปแล้วรู้สึก..โดนทิ่มแทงเนี่ยนะ เรียกว่า “เผลอ” ก็เห็นว่า..เผลอไป แต่ไม่ใช่ว่าไปทำกรรมฐานแบบนั่งเฉย ๆ นะ ถ้านั่งเฉย ๆ มันจะไม่ค่อยเห็น มันจะเพลิน คิดแล้วก็ยาว.. เขาเรียกว่า loop(ลูพ) มันยาว (loop แปลว่า วง, บ่วง, เส้นหรือรูปร่างที่มีลักษณะเป็นวงกลม) ตอนนั่งนิ่งๆ loop ของความเผลอเนี่ยมันยาว แต่ถ้าทำงาน มีอะไรจดจ่อ เช่น สมมติว่าจะเช็ดดอกไม้เนี่ยนะ ‘ดอกไม้นี้ เป็นดอกไม้ตั้งมานานแล้วมีฝุ่นเยอะเหลือเกิน’ ก็เช็ด ๆ ๆ ๆ ไปเรื่อย ๆ นะ เอาใจจดจ่ออยู่กับงานนี้ คือเช็ดฝุ่น ๆ เช็ดฝุ่นไป..เผลอไปคิดเรื่องนั้นอีกแล้ว ‘อ่ะ! รู้ว่าเผลอ’ ก็ทำต่อ ทำไป ซักผ้าไป .. เช็ดไป ซักผ้าไป .. เช็ดไป ซักผ้าไป ทำเรื่อย ๆ อย่ามองว่างานไร้สาระ แต่เอางานนั้นเป็นสำหรับการทำสมถกรรมฐาน ถ้าพูดในแง่ของวิชาการหน่อย.. “งานนั้นเป็นงานที่ฝึกใจให้เป็นสมถกรรมฐาน” เพราะฉะนั้น งานที่จะฝากไว้ให้คนที่มีภาวะซึมเศร้าทำเนี่ยนะ ให้เป็นงานที่ ‘ชวนให้ตัวเองไม่อยู่เฉย ไม่อยู่นิ่ง’ งานอะไรก็ได้ในบ้าน หางานทำ แล้วจะรู้สึกว่าเป็นคนน่ารักมากขึ้น คนจะมองเราด้วยสายตาชื่นชมมากขึ้น เราอาจจะไม่เห็นผล แต่คนอื่นเริ่มเห็น เขาจะเริ่มชมเรามากขึ้น สิ่งดี ๆ จะเข้ามาในชีวิตมากขึ้น อาการที่เป็นซึมเศร้าจะถูกลืมไป เพราะเริ่มมีสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต เริ่มมีเรื่องราวที่น่าชื่นใจ ชีวิตเริ่มสดใสมากขึ้น สิ่งที่จะชวนให้คิดที่ออกนอกเรื่องของความซึมเศร้ามีมากขึ้น มันกลายเป็นว่าจากเดิมมีเรื่องเดียวซ้ำ ๆ ตอนนี้กลายเป็นว่ามีเรื่องใหม่ ๆ แล้วรู้สึกยิ่งทำมันยิ่งมองออกว่า ‘เอ๊ะ! เราควรจะมีงานอะไรทำต่อ’ แล้วคนอื่น ๆ ก็จะเห็นผลงานของเรา จะชื่นชมเรา เราก็จะมีสิ่งดี ๆ มีเรื่องดี ๆ ในชีวิตเข้ามามากขึ้น ฝากเอาไว้สำหรับคมที่มีภาวะอย่างนี้เกิดขึ้นมา ให้ขยัน แล้วก็อย่าอยู่นิ่ง และอดทน ทนทำ ทำงานที่ดูเหมือนว่าเหมือนจะไม่มีค่า ไม่มีความหมาย แต่จริง ๆ มันมีค่าอยู่ … ขอฝากไว้อีกนิดหนึ่งว่า ถ้าเริ่มมีอาการมาก ให้ไปหาหมอ บางทีมันไม่ได้เป็นเรื่องเพียงแค่จิตใจ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับทางด้านร่างกายด้วย หมายความว่า ทางด้านรูปธรรมของเรา ร่างกายของเรา ในสมองของเราอาจจะมีเคมีบางอย่างที่มันผิดเพี้ยนไป บางทีอาจจะต้องอาศัยหมอช่วยให้ยา เพื่อไปปรับระดับเคมีในสมอง ก็เป็นเรื่องที่บางครั้งเราต้องอาศัยหมอ อาศัยแพทย์ช่วยในเรื่องของภาวะของโรคเหล่านี้ด้วยเหมือนกัน อย่าไปปฏิเสธนะ ไม่ใช่เรื่องที่ว่าน่าอาย หรือเรื่องเลวร้ายอะไร เป็นเรื่องเขาเรียกว่าเป็นความเจ็บป่วยอย่างหนึ่งทางร่างกายที่มีผลต่อ.. มันไปมีที่สมอง แล้วก็มีผลออกมาทางด้านของการแสดงออกทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง และมันก็กระทบไปถึงจิตใจด้วย ถ้าไปหาหมอ แล้วก็รักษาถูกตรง มันก็ช่วยทำให้อาการของโรคนั้นผ่อนเบาลง แล้วก็อาจจะทำให้เรื่องที่ดูเหมือนหนัก กลายเป็นเบาลงไปได้ ก็ขอฝากเอาไว้ว่า อย่ากลัวหมอ แล้วก็อย่าละอายที่จะไปหาหมอ อย่าไปเข้าใจว่าเราเป็นบ้า ไม่ใช่อย่างนั้นนะ บางทีมันเป็นเรื่องของเคมีในสมอง คือคนไทยจะปัญหาตรงนี้นิดหนึ่งว่า.. พอจะไปหาจิตแพทย์เนี่ยนะรู้สึกว่า ‘เฮ้ย! เราเป็นบ้ารึเปล่า?’ ..จริง ๆ ไม่ใช่บ้า มันเป็นเรื่องที่มันเป็นวิทยาศาสตร์นะ เราสามารถที่จะไปหาหมอ แล้วก็กินยาบางอย่าง แล้วทำให้มันดูดีขึ้นมาได้ ถ้ามีอาการมากเข้า ก็ควรไปหาหมอนะ ขอฝากตรงนี้ไว้ด้วยอีกเรื่องหนึ่ง พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากตอบปัญหาธรรม รายการธรรมะสว่างใจ ออกอากาศวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๖๔ ลิงค์รายการ https://www.facebook.com/Watsanghathan.Nonthaburi/videos/231278638481272 (นาทีที่ 42.40-48.26 และ 1.01.40-1.03.54)

อ่านต่อ