#นิมฺมโลตอบโจทย์ #ทุนน้อยทำให้มาก ?? #ถาม : จริงหรือไม่ที่ว่า ผู้ที่นั่งสมาธิได้ผลเร็วนั้น จะต้องสะสมบารมีมาตั้งแต่ชาติก่อน? #ตอบ : ถ้าจะพูดเรื่องของการฝึกสมาธิเนี่ย ผู้ที่จะได้ผลเร็วก็มักจะมีความคุ้นเคย คือเคยทำมาก่อน ถ้าไม่เคยทำมา แล้วเราเพิ่งมาเริ่มต้นชาตินี้ชาติแรกเนี่ยนะ ก็ยากอยู่ เพราะบางทีจิตมันคุ้นเคยที่จะฟุ้งซ่าน จะบอกให้ทำฌานหรือจะบอกให้ทำสมาธิ..มันไม่คุ้น มาเริ่มต้นใหม่เลย จิตมันมีอนุสัย มีความคุ้นชินที่จะไปมีราคะ โทสะ โมหะอย่างนี้นะ นิวรณ์ต่างๆ ก็ไม่เคยเห็น หรือว่าไม่เคยฝึกในการละนิวรณ์ บางทียังไม่เห็นว่านิวรณ์เป็นอย่างไร? สภาวะที่เป็นรูปธรรม นามธรรม.. ให้มาเจริญสติดู กาย เวทนา จิต ธรรม มันยังไม่คุ้นเลย ยังไม่คุ้น จิตยังไม่คุ้น จะบอกให้รู้สึกตัว ก็ต้องเรียนอยู่นานเหมือนกัน บางทีไม่คุ้น มันไม่ใช่ว่า “มาแบบใสๆ” นะ บางคนเนี่ยถ้ามาแบบใสๆ ก็คือว่า แม้จะไม่ได้ฝึกสมาธิมา แต่เป็นคนดีมา อย่างนี้โอเค (ok) พอได้ เป็นคนดี รักษาศีลมาก่อน ให้ทานมาก่อน อย่างนี้นะ ในสังสารวัฏวนเวียนอยู่ในสุขคติ เวลาจะมาฝึก ก็จะง่ายหน่อย แต่กระนั้นก็ยังเป็นเรื่องยาก เพราะว่าจิตมันมักจะอยู่ในเรื่องของกามาวจร (กามาวจร หมายถึงว่าเที่ยวไปในกาม) เพราะฉะนั้นมันคุ้นชินในการที่จะไหลเพลินไปในเรื่องของกาม ซึ่งกามก็เป็นศัตรูของสมาธิ ฉะนั้นถ้าไม่เคยฝึกมาก่อน มาเริ่มฝึกครั้งแรกในชาตินี้ แน่นอนก็ยากสักหน่อย อย่างที่ว่าแหละ เพราะว่าเอาจริงๆ แล้วเนี่ย คนส่วนใหญ่มันไม่ได้มาแบบผ้าขาว ไม่ได้มาแบบใสๆ แต่มันขมุกขมัวมา มันไม่ได้มีแต่บุญกุศลมา แล้วก็มาแบบมีจิตใสๆ… “ท่านอาจารย์ครับ ผมขอฝึกสมาธิ” แล้วมาแบบจิตใสกิ๊งมาเลยเนี่ยนะ โอ้โห! หายากๆ ส่วนใหญ่เราเนี่ย พลาดมาแล้วทั้งนั้น เราพลาดไปตามกิเลส ไปผิดศีลบ้าง ทำผิดบ้าง พูดผิดบ้าง อะไรอย่างนี้นะ มันอาจจะไม่ใช่ชาตินี้ อาจจะเป็นชาติก่อน บางทีก็เผลอไปกินเหล้าในชาติก่อน มันส่งผลมาถึงชาติปัจจุบัน ทำให้มีโมหะมาก เหล้าเนี่ยนะ สุรา เมรัย สิ่งเสพติดทั้งหลายเนี่ย ระวังนะ! มันทำให้มึนเมาเนี่ยนะ มันไม่ได้เมาเฉพาะที่ไอ้หัวกะโหลก หรือในสมองเท่านั้นเอง มันเมาเข้าจิตไปเลย!! จิตนี้มันเสพความเมาไปด้วยนะ ตายจากชาตินี้ไปเนี่ย มันเก็บสะสมโมหะไป เก็บสะสมโมหะไป ชาติหน้าเกิดมาเนี่ย สมมติว่าชาตินี้ เป็นชาติหน้า ของชาติที่แล้ว ชาตินี้มาเนี่ย ครูบาอาจารย์เห็น.. ‘อื้อหือ ทำไมมันมืดอย่างนี้?’ คือมันเป็นวิบากมาจากชาติก่อน ที่ไปทำความมึนเมาให้กับตัวเอง มันก็ยิ่งยากไปใหญ่เลย นึกออกไหม? แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะฝึกไม่ได้ ถามมาอย่างนี้นะ ไม่ใช่ว่าไม่เคยสะสมบารมีมาเลย แล้วจะทำยาก แล้วก็เลยท้อถอย.. ก็ไม่ควรท้อถอยด้วย ควรจะรู้สึกว่า.. ‘ถ้าเราเนี่ยอาจจะเป็นคนที่ไม่เคยสะสมมา เพราะฉะนั้นชาตินี้ต้องทำให้เยอะ’ เหมือนกับคนมีทุนน้อย ต้องสะสมให้มาก ถูกไหม? ไม่ใช่มีทุนน้อยก็เลยไม่ทำเลย ก็ยิ่งน้อยไปใหญ่เลย นึกออกไหม? ควรรู้สึกว่า ‘เรามีบุญน้อย มีบารมีน้อย ฉะนั้นชาตินี้ต้องทำให้มาก’ ไม่ใช่ว่ามีบุญน้อย แล้วเลยไม่ทำ เลยไม่ประสบความสำเร็จสักที แล้วก็ไม่พ้นทุกข์สักที เพราะฉะนั้น ถ้าคิดว่า ‘ไม่เคยสะสมมา’ ควรเร่งสะสม และควรรีบสะสม และควรเร่งด้วยความไม่ประมาท ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ คนมีของเก่ามาก แต่ประมาท ก็อาจจะไม่ได้ประสบความสำเร็จในชาตินี้ คนมีของเก่าน้อยแต่ไม่ประมาท.. หรือคนมีบารมีน้อยแต่ไม่ประมาท ก็สามารถที่จะทำให้สำเร็จได้ เพราะฉะนั้นขึ้นอยู่กับว่า พอถึงขณะนี้ เวลานี้ เราประมาท หรือไม่ประมาท? เราปล่อยเวลาให่ผ่านไปโดยมีประโยชน์ หรือปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยสะสมกิเลส เวลาผ่านไป มันก็ไม่ได้ผ่านไปเปล่านะ ผ่านไปโดยมีบุญ เราก็สะสมบุญ ผ่านไปโดยมีกุศล เราก็สะสมกุศล ผ่านไปโดยมีกิเลส เราสะสมกิเลส ผ่านไปโดยมีบาป สะสมบาป ผ่านไปโดยมีอกุศล สะสมอกุศล จิตเนี่ยนะมันไม่ได้ผ่านเกิด-ดับขึ้นมาโดยที่ไม่มีอะไรสะสมเข้าไปเลย มันก็จะเลือกสะสม เอาง่ายๆ ตอนนี้รู้สึกตัวไหม? ถ้าตอนนี้ผ่านไปโดยไม่รู้สึกตัว เรากำลังมีวิถีจิตหนึ่งเกิดขึ้นมา แล้วก็มีโมหะปนอยู่ด้วย จิตก็ดับไปพร้อมกับโมหะ แล้วก็สะสมโมหะไปแล้วหนึ่งขณะด้วย ..อ้าว! ผ่านมาแล้วตอนนี้จากที่ถามเมื่อกี้นี้ ตอนนี้อีก ๑ นาที จากคำถามเมื่อกี้นี้ ถึงคำถามตรงนี้ “ตอนนี้รู้สึกอย่างไร?” “ตอนนี้มีโมหะอยู่หรือเปล่า?” นึกออกไหม? เวลาผ่านไปแต่ละวินาที ๆ จิตเราเกิดขึ้นมา.. มีกิเลสไหม? มีสติไหม? มีสมาธิไหม? มีปัญญาไหม? มีความเพียรไหม? หรือปล่อยล่องลอย มีโมหะ เหมือนไม่มีกิเลสอะไรนะ แต่อย่างน้อยๆ ถ้าไม่รู้สึกตัวนะ มันคือมีโมหะ ดูความน่ากลัวของสังสารวัฏ มันเป็นอย่างนี้นะ.. เราดูเหมือนว่าไม่ได้มีความชั่วอะไร แต่ก็ไม่มีความดีอะไร ! นึกออกไหม? มันก็ลำบากเหมือนกันะ ถามว่า “ไม่ได้ชั่วอะไร แต่ก็มีกุศลอะไรบ้างไหม?” .. “ไม่มี” ในลักษณะถ้าจี้ไปเลยตรงๆ เนี่ย “ไม่มี”.. ลำบากแล้ว! ก็ต้องดูว่าเวลาผ่านไปเนี่ย.. มีความรู้สึกตัวบ้างไหม? มีสติบ้างไหม? มีสมาธิบ้างไหม? มีกรุณาบ้างไหม? มีเมตตาบ้างไหม? มีกุศลเกิดขึ้นในใจบ้างไหม? ถ้าไม่มีเลย นั่งมองหน้าต่าง ใจลอยไปเรื่อยๆ อันนี้”โมหะ”นะ..โมหะ! ฉะนั้นไม่ว่าอดีตเราจะเคยสะสมบารมีบ้างหรือไม่ก็ตามนะ เรารู้ไม่ได้ ชาตินี้เจอคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว ใช้ชาตินี้ให้เป็นประโยชน์ที่สุด ไม่ต้องไปคำนึงถึงว่า.. “ชาติก่อนเราสะสมมาบ้างหรือเปล่า?” ..มันรู้ไม่ได้ แล้วถ้ามัวแต่คิดก็เสียเวลาเปล่า กลายเป็นฟุ้งซ่าน เพราะฉะนั้นความจริงคำตอบนี้ – คำถามนี้นะ คือ “ไม่ต้องไปรู้มันก็ได้” ใช้ชีวิตตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย ตั้งแต่รู้คำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วเนี่ย ใช้ชีวิตให้อยู่กับความไม่ประมาทให้มากที่สุด ตามที่พระพุทธเจ้าทรงเตือนเอาไว้ ก่อนที่พระองค์จะปรินิพพานนะ “สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา เธอทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม” เสื่อมไปเป็นธรรมดาเนี่ย มันไม่รอให้แก่ แล้วตายนะ มันอาจจะตายตั้งแต่เรารู้สึกว่ายังไม่แก่ก็ได้ มีเหตุให้ตายตั้งเยอะแยะ มันไม่ใช่ว่าต้องมีแก่ตายอย่างเดียว เพราะฉะนั้นอย่าประมาทในชีวิตนะ ใช้ชีวิตที่เกิดมาพบพุทธศาสนาแล้วเนี่ย ใช้ให้เป็นประโยชน์ อย่าไปคำนึงเพียงว่า ‘ชาติก่อนเราสร้างบารมีมากหรือน้อยหนอ?’ มัวแต่คิดอย่างนี้แล้วไม่รู้สึกตัวเลย คือเรากำลังขาดสติ พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากตอบปัญหาธรรม รายการธรรมะสว่างใจ ออกอากาศวันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๔ ลิงค์รายการ https://www.youtube.com/watch?v=S5au3v0vMYI (นาทีที่ 1.37.33-1.46.50)

อ่านต่อ