All posts by admin

#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๒๗ ?? #ถาม​ : ใน​หนังสือ​”นิมฺมโล​ตอบโจทย์” ข้อ ๑๘ หน้า ๙๑ ท่านตอบว่า “ผู้รู้”…

#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๒๗
??

#ถาม​ : ใน​หนังสือ​”นิมฺมโล​ตอบโจทย์” ข้อ ๑๘ หน้า ๙๑ ท่านตอบว่า “ผู้รู้” จัดอยู่ใน สังขารขันธ์”! ควรจะเป็น “วิญญาณขันธ์”นะคะ

#ตอบ​ : ดู​แล้ว​นะ​ โจทย์​นั้น​ถาม​มา​ว่า​
“ตัว​รู้” ที่​เรา​ฝึก​กัน​ ให้​เรา​รู้​ใน​การ​ฝึก​สติ​ ใช่​เป็น​นาม​ใน​ขันธ์​ ๕​ หรือ​เปล่า​ครับ?

ที่​อาตมาตอบ​ว่า​เป็น​นาม​ธรรม​ จัด​อยู่​ในสังขาร​ขันธ์​ เพราะ​หมาย​เอา​”ตัว​รู้”ตาม​โจทย์​ที่​บอก​มา​ว่า​ “ที่​เรา​ฝึก​กัน​ ให้​เรา​รู้​ใน​การ​ฝึก​สติ” ไม่​ใช่​”จิต​ผู้​รู้”

“ตัว​รู้” ที่​ว่า​นั้น ก็​ระบุ​ไว้​ว่า​ใน​ขั้น​เจริญ​สติ​ เช่น​ รู้​ว่า​เมื่อ​กี้​โกรธ​ เป็นต้น​ อย่างนี้​เป็น​สติ​รู้​จิต​ จึงจัด​อยู่​ใน​สังขาร​ขันธ์

ถ้า​เป็น​”จิต​ผู้​รู้” ที่​ปรากฏ​เมื่อ​มี​จิต​ตั้งมั่น​แล้ว​ อย่างนี้​จึง​จะจัด​เป็น​วิญญาณ​ขันธ์

คือ​คำ​ว่า”รู้” ใน​ภาษา​ไทย​เนี่ย​ ฟัง​ดู​บางที​ก็กำกวม
ยัง​มี”รู้​”อย่าง​อื่น​อีก​นะ

“รู้​เท่าทัน” “รู้​เข้าใจ” “รู้​ไตรลักษณ์” เป็น​ปัญญา​ จัด​อยู่​ใน​สังขาร​ขันธ์

“รู้สึก” ว่า​สุข​ ว่า​ทุกข์​ จัด​เป็น​เวทนา​ขันธ์

“รู้​จำ” “หมาย​รู้” ก็​เป็น​สัญญา​ ก็​อยู่​ใน​สัญญา​ขันธ์

ใน​โจทย์​นั้น​ อาตมา​ก็​ตอบ​สั้น​ไป​หน่อย​ ต้อง​ขอ​ขอบคุณ​โยมมาก​นะ​ ที่​ได้​กรุณา​ทักท้วง​ ต่อไป​จะ​พยายาม​ให้​รัดกุม​มาก​ขึ้น

อนุโมทนา​กับ​โยม​ด้วย​นะ

๑๗ สิงหาคม ๒๕๖๑


อ่านบน Facebook

#เชิญฟังธรรม ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย ในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๓.๐๐ -…

#เชิญฟังธรรม

ขอเรียนเชิญผู้ที่สนใจฟังธรรมบรรยาย
ในวันอาทิตย์ที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๖๑
เวลา ๑๓.๐๐ – ๑๖.๐๐ น.
โดย.. พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล

ณ โรงแรมคุ้มภูคำ
อ.เมือง จ.เชียงใหม่

(แผนที่ รร.คุ้มภูคำ https://goo.gl/maps/8p9PGTgvwE4


อ่านบน Facebook

วันเสาร์ที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๑ วันพระ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘/๘ ?? พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ ๑๗๓ #งานมีอยู่งานยังไม่เสร็จ…

วันเสาร์ที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๖๑
วันพระ แรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๘/๘
??
พระกฤช #ฝากคิด #ฝากคำ ๑๗๓

#งานมีอยู่งานยังไม่เสร็จ

ความอยู่ยากของมนุษย์เนี่ย เป็นเครื่องเตือน!
ทุกครั้งที่มีทุกข์​นะ
ถ้าเป็นคนที่ฟังธรรมแล้วเนี่ย..
จะเกิดความไม่ประมาท!
แต่ถ้าคนที่ไม่ได้ฟังธรรมนะ
ทุกครั้งที่ทุกข์ ก็จมทุกข์!

คนที่ฟังธรรมแล้ว​ เวลามีทุกข์เนี่ย จะระลึกได้ว่า..
ชีวิตนี้ประมาทไม่ได้
ความตายอยู่ต่อหน้า
ความตายก็รอเราอยู่
เวลามีน้อย
แล้วก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะถึงความตายเมื่อไหร่ด้วย
แต่ตายแน่!

ทุกครั้งที่มีทุกข์นะ จะเกิดความไม่ประมาทขึ้นมา
แล้วก็(คน)ที่ไม่เคยให้ทาน
หรือ(คน)ให้ทานมาแล้ว
ก็จะขวนขวายจะให้ทาน​อีก
ศีลที่รักษาได้กระพร่องกระแพร่งบ้าง
ก็จะพยายามรักษาให้สมบูรณ์ขึ้นมา
สมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน ที่ทำบ้างไม่ทำบ้าง
คิดว่าทำเมื่อไหร่ก็ได้ ก็รู้สึกว่า..ต้องทำๆ!
รู้สึกว่า งานมีอยู่ งานยังไม่เสร็จ

กรรมฐานเป็นงานนะ เป็นงานทางใจ
ยังทำไม่เสร็จ..
แต่ถ้าเป็นพะอรหันต์แล้วเนี่ย
ไม่มีงานนี้แล้ว เสร็จ​งาน..จบ!

ธรรมบรรยายโดย
พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล
✍✍
เรียบเรียงจากไฟล์เสียง “อย่ามัวไปประเมินคนอื่น”
ณ บ้านจิตสบาย ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๖๑
รับฟังได้ที่ลิงค์ไฟล์เสียง https://bit.ly/2KfD9M6
นาทีที่ 16.07-17.26


อ่านบน Facebook

#เชิญฟังธรรม ?วันอาทิตย์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๑ เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๑.๓๐ น. บรรยายธรรม ณ ศาลาไตรสิกขา #บ้านจิตสบาย…

#เชิญฟังธรรม
?วันอาทิตย์ที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๑
เวลา ๑๐.๐๐ – ๑๑.๓๐ น.
บรรยายธรรม ณ ศาลาไตรสิกขา
#บ้านจิตสบาย
พุทธมณฑลสาย ๒ ซ.สุขาภิบาลบางระมาด กรุงเทพฯ

( แผนที่ บ้านจิตสบาย https://goo.gl/maps/8p9PGTgvwE42)


อ่านบน Facebook

#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๒๖ (ต่อเนื่องจากนิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๒๕) ?? #ถาม : ถ้ากลัวเก็บกดจากการอดทน ถ้ากับคนเดิมเรื่องคล้ายๆเดิม…

#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๒๖
(ต่อเนื่องจากนิมฺมโลตอบโจทย์
๑๒๕)
??

#ถาม : ถ้ากลัวเก็บกดจากการอดทน ถ้ากับคนเดิมเรื่องคล้ายๆเดิม เรื่องที่คนอื่นกระทำกับเราโดยไม่มีเหตุผล เราก็โต้ตอบพูดออกมาอย่างมีเหตุมีผล น่าจะได้นะคะ แต่น้ำเสียงหรืออารมณ์ ต้องควบคุมให้ได้ค่ะ แล้วพิจารณาผลที่ตามมาประกอบด้วย แต่ถ้าเจอกันครั้งเดียว อะไรทนได้ก็ทนค่ะ แล้วก็เจริญเมตตาช่วยให้ความโกธรน้อยลง ค่อยดูความโกธรน่าจะได้นะคะ

#ตอบ : ทำแบบที่ว่านี้ก็ได้นะ

ใน สีติสูตร อังคุตตรนิกาย ฉักกนิบาต พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่า

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นผู้ควรเพื่อกระทำให้แจ้งซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง
ธรรม ๖ ประการเป็นไฉน?
คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้
๑. ย่อมข่มจิต​ ในสมัยที่ควรข่ม
๒. ย่อมประคองจิต​ ในสมัยที่ควรประคอง
๓. ย่อมยังจิตให้ร่าเริง​ ในสมัยที่ควรให้ร่าเริง
๔. ย่อมวางเฉยจิต​ ในสมัยที่ควรวางเฉย
๕. เป็นผู้น้อมไปในธรรมประณีต
๖. เป็นผู้ยินดียิ่งในนิพพาน

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุประกอบด้วยธรรม ๖ ประการนี้แล ย่อมเป็นผู้ควรกระทำให้ แจ้งซึ่งความเป็นผู้เย็นอย่างยิ่ง ฯ”

ธรรมดาจิตควรข่มไว้ด้วยสมาธิ ในเวลาที่ฟุ้งซ่าน
ค​วรประคอง​ด้วยความเพียร ในเวลาที่จิตตกไปตามความเกียจคร้าน
ควรให้ร่าเริงด้วยกุศล เช่น ปราโมทย์ ปีติ ในเวลาที่จิตขาดความแช่มชื่น

๓ ข้อแรกนี้ เรียกว่าทำสมถะก่อน แต่ก็อย่าลืมเจริญวิปัสสนาด้วยนะ
สังเกตคำว่า “ในสมัยที่ควร” คือทำได้ แต่ไม่ใช่ทำทุกสมัย หรือทุกเวลา ทุกโอกาส

เพราะข้อต่อมา พระองค์แนะว่าควรวางเฉยด้วยอุเบกขาบ้าง อันหมายถึงอุเบกขาสัมโพชฌงค์
คือในเวลาที่ภาวนาอบรมจิตมาสม่ำเสมอแล้ว ก็อย่าไปแทรกแซงสภาวะที่เห็นนั้นเสียทุกครั้ง ให้มีใจเป็นกลางบ้าง เพื่อเปิดโอกาสให้ปัญญาเห็นตามความเป็นจริง เห็นสภาวะแสดงไตรลักษณ์

สองข้อท้าย เป็นการตั้งเป้าหมายให้ตรง
เช่น ทำสมถะได้แล้ว ก็ไม่หยุดเพียงนี้ เพราะยังมีธรรมที่ประณีตยิ่งกว่า คือวิปัสสนา
และไม่ได้ภาวนาเพื่อหลบปัญหาไปเป็นคราวๆ แต่ภาวนาเพื่อให้เกิดปัญญา ให้ถึงความดับสนิทแห่งทุกข์
ซึ่งก็คือ เป็นผู้ยินดียิ่งในนิพพานนั่นเอง

๙ สิงหาคม ๒๕๖๑


อ่านบน Facebook

#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๒๕ ?? #ถาม​ : การฝึก”รู้” ในขณะที่เรามีความโกรธ แต่ความโกรธก็ไม่ยอมดับไป ดังนั้นควรทำอย่างไรดีคะ…

#นิมฺมโลตอบโจทย์ ๑๒๕
??

#ถาม​ : การฝึก”รู้” ในขณะที่เรามีความโกรธ แต่ความโกรธก็ไม่ยอมดับไป ดังนั้นควรทำอย่างไรดีคะ
1.เราควรจะดูความโกรธไปสักระยะ จนมันดับไป(แบบนี้มีข้อควรระวังอะไรบ้างคะ)
หรือ
2.ทิ้งความโกรธไปเลย โดยใช้วิธีอื่นๆ เช่น นึกบริกรรมว่า พุทโธ หรือพยายามเปลี่ยนไปคิดเรื่องอื่นๆแทน (ถ้าใช้วิธีนี้ ความโกรธมันจะกลายไปเป็นความเก็บกดในจิตใต้สำนึกหรือไม่คะ และจะกระทบต่ออนุสัยจิตหรือไม่คะ)?

#ตอบ​ : ที่​รู้​โกรธ​ แล้ว​โกรธ​ไม่​ดับ​ มี​ทาง​เป็นไปได้​ว่า

๑.​ โกรธ​ตัวเอง​ที่​ไป​เผลอ​โกรธ​เมื่อกี้นี้​ กลาย​เป็น​โกรธ​ตัว​ใหม่​ แต่​รู้​ไม่​ทัน​ว่า​เป็น​ตัว​ใหม่​ เห็น​ว่า​โกรธ​เหมือนกัน​ ก็​นึก​ว่า​โกรธ​ตัว​เดิม​ ที่จริง​เปลี่ยน​อารมณ์​ไป​แล้ว
(อารมณ์​ ในที่นี้​หมายถึง​ สิ่ง​ที่​ถูก​จิต​รู้​ หรือ​สิ่ง​ที่​ถูก​รับรู้)​

๒.​ จิต​ถลำ​ไปดู​ไป​จ้อง​ความ​โกรธ!

คือ​เวลา​ฝึก​ดู​จิต​ ที​แรก​ก็​เห็น​กิเลส​เป็น​ตัว​ๆ​ เช่น​ใน​กรณี​นี้​ก็​เห็น​ว่า​ความ​โกรธ​มัน​เป็น​อย่างนี้​ๆ​ คือ​เห็น​ลักษณะ​เฉพาะ​ตัว​ของ​สภาวะ(​ในที่นี้คือ​ความโกรธ)​ เรียก​อีก​อย่าง​ว่า​ เห็น​”วิเสส​ลักษณะ”

วิเสส​ลักษณะ​ เป็น​ลักษณะ​พิเศษ​เฉพาะ​ตัว​ของ​สภา​ว​ธรรม​นั้น​ๆ ที่​แตกต่าง​กัน​ไป​ใน​แต่ละ​สภาวะ​ ทำให้​แยก​ได้​บอกถูก​ ว่า​นี่​คือ​ความ​โลภ​ นี่​คือ​ความ​โกรธ​ เป็น​ต้น

ที่​ว่า​มี​ลักษณะ​พิเศษ​เฉพาะ​ตัว​นั้น​ ถ้า​ว่า​โดย​ละเอียด​ ก็​จะ​มี​จุด​ให้​ดู​ความแตกต่าง​กัน​อยู่​ ๔​ ประการ​ คือ

๑.​ ลักษณะ​ คือ​ สภาพ​เฉพาะตัว​ที่​มี​อยู่​ใน​สภา​วธรรม​นั้น​ๆ​ เช่น​ใน​กรณี​ของ​ความ​โกรธ​ ก็​มี​ ความ​หยาบ​กระด้าง เป็น​ลักษณะ

๒.​ รสะ​ คือ​ หน้าที่​ของ​สภา​ว​ธรรม​นั้น​ๆ​ เช่น​ แสง​มี​หน้าที่​ให้​ความ​สว่าง​ ใน​กรณี​ของ​ความ​โกรธ​ ก็​มี​ การ​ทำให้​จิต​ตน​และ​ผู้อื่น​หม่น​ไหม้​ เป็น​รสะ​ คือ​ทำหน้าที่​เผาลน​จิตใจ​นั่นเอง

๓.​ ปัจจุปัฏ​ฐาน​ คือ​ การ​ปรากฏ​ หมายถึง​ผล​ที่​เกิดขึ้น​จาก​การ​ทำ​หน้าที่​ของ​สภา​ว​ธรรม​นั้น​ๆ​ เช่น​ใน​กรณี​ของ​ความ​โกรธ​ ก็​มี​ การ​ประทุษร้าย​ การ​ทำลาย​ เป็น​ปัจจุปัฏ​ฐาน​ คือ​นอกจาก​จะ​ทำลาย​จิต​เอง​แล้ว​ ยัง​จะ​ไป​ทำลาย​อารมณ์​ที่​รับรู้​นั้น​ด้วย

๔.​ ปทัฏฐาน​ คือ​ เหตุ​ใกล้​ให้​เกิด​ หมายถึง​ปัจจัย​โดยตรง​ที่​เป็น​ตัวการ​ให้​เกิด​สภาว​ธรรม​นั้น​ๆ​ ใน​กรณี​ของ​ความ​โกรธ​ ก็​มี​ อาฆาต​วัตถุ​ เป็น​เหตุ​ใกล้​ให้​เกิด

อาฆาต​วัตถุ​ ได้แก่​ :-
– อาฆาต​เขา​ เพราะ​คิดว่า​เขา​ ได้​เคย​ทำ​ความ​เสื่อมเสีย​ให้​แก่​เรา​ หรือ​กำลัง​ทำ​ หรือ​แม้​จะ​ทำ​ใน​อนาคต​ด้วย
– อาฆาต​เขา​ เพราะ​คิดว่า​เขา​ ได้​เคย​ทำ​ความ​เสื่อมเสีย​ให้​แก่​ผู้​ที่เรา​รัก หรือ​กำลัง​ทำ​ หรือ​แม้​จะ​ทำ​ใน​อนาคต​ด้วย
– อาฆาต​เขา​ เพราะ​คิดว่า​เขา​ ได้​เคย​ทำ​คุณ​ประโยชน์ให้​แก่​ผู้​ที่เรา​เกลียด หรือ​กำลัง​ทำ​ หรือ​แม้​จะ​ทำ​ใน​อนาคต​ด้วย
– ความอาฆาต​ที่​เกิด​ขึ้น​ใน​ฐานะ​อัน​ไม่สมควร​ เช่น​ เดิน​ชน​ประตู​ สะดุด​พื้น​ทางเดิน​ที่​ขรุขระ​ เป็นต้น

พูดถึง​วิเสส​ลักษณะ​เสีย​ยาว​ ที่จริง​ก็​ไม่​จำเป็นต้อง​เห็น​ละเอียด​อย่าง​ที่​บรรยาย​มา​นี้​ก็ได้​นะ​ อันนี้​ถือ​ว่า​เป็น​วิชาการ

เห็น​วิเสส​ลักษณะ​แล้ว ส่วนมาก​ก็ยัง​ไม่​เห็น “สามัญ​ญ​ลักษณะ” คือ​ไม่​เห็น​อารมณ์​นั้นเกิด​ดับ​ เพราะ​จิต​ไป​ถลำจม​แช่​กับ​อารมณ์​ คือ​ไป​ดู​ไป​จ้อง​ความ​โกรธ

สามัญ​ญ​ลักษณะ​ คือ​ ลักษณะ​ธรรมดา​ที่​สภาว​ธรรม​ทั้งหลาย​มี​เหมือน​ๆ​กัน​ เป็น​ลักษณะ​ร่วม​ของ​ทุก​สภาวะ​ที่​จะ​ต้อง​เป็นไป​ มี​ ๓​ อย่าง​ ได้แก่​ ลักษณะ​ที่​ไม่​เที่ยง​ เป็น​ทุกข์​ และ​เป็น​อนัตตา​ ซึ่ง​รวม​เรียกว่า​”ไตรลักษณ์”

จะ​เห็น​ไตรลักษณ์​ได้​ ใจก็​ต้อง​ถอย​มา​เป็น​ผู้​รู้​ผู้​ดู

เช่น​ ถ้า​เรา​โกรธ​ แล้ว​จิต​ก็​ไหล​ไป​อยู่​กับ​ความ​โกรธ​ จ้อง​อยู่​ที่​ความ​โกรธ​ พอ​จ้อง.. จิต​ก็​ถลำ​ไป​ดู​ จะ​ไม่​เห็น​ความ​โกรธ​แสดง​ไตรลักษณ์

แต่ถ้า​จิต​ตั้งมั่น​ จิต​จะถอย​ออกมา​จาก​อารมณ์​คือ​สภาวะ​ความ​โกรธ​นั้น ก็​จะ​เห็น​ว่า​ความ​โกรธ​เป็น​ส่วน​หนึ่ง​ จิต​ที่​เป็น​ผู้​รู้​ผู้​ดู​ก็​เป็น​อีก​ส่วน​หนึ่ง​ อย่างนี้.. ความ​โกรธ​จะ​แสดง​ไตรลักษณ์​ให้​ดู

อย่า​ให้​จิต​เข้า​ไป​คลุก​กับ​อารมณ์​ตลอดเวลา​ ให้​มัน​แยก​ออกมา​เป็น​ผู้​รู้​ผู้​ดู​บ้าง​ ก็​จะ​เห็น​ไตรลักษณ์​ได้​ง่าย

เวลา​เห็น​ไตรลักษณ์​ มัน​ก็​ไม่​พูด​เป็น​ภาษา​ออก​มา​หรอก​นะ​ ไม่ต้อง​ไป​บรรยาย​ในใจ​ว่า​ ‘โกรธ​เกิด​ขึ้น​ โกรธ​ตั้งอยู่​ โกรธ​ดับ​ไป​แล้ว’ ไม่ต้อง​นะ​ มัน​เป็น​ปัญญา​เข้า​ใจ​อยู่​ข้างใน​

สรุป​คือ​ ลอง​ไป​ดู​จิต​ที่​ไหล​ไป​จม​แช่​อยู่​ใน​อารมณ์​นะ

ดู​บ่อย​ๆ​
ถึง​เวลา​เข้าใจ.. มัน​ก็​จะ​เข้าใจ​ของ​จิต​เอง

๘ สิงหาคม ๒๕๖๑


อ่านบน Facebook