#นิมฺมโลตอบโจทย์ #ทำอย่างไร.. กับคนเสพติด fake news (ข่าวปลอม) #ถาม : คนในบ้านเสพติด fake news (ข่าวปลอม) ทางทวิตเตอร์ แล้วมากดดันให้โยมเห็นตาม คือเขาต้องการให้เราคิดเหมือน คือช่วยด่า แล้วพอเราเงียบ คือแค่ฟังและถ้าคุยด้วยเหตุและผล เขาก็ว่าเราเป็นฝั่งตรงข้าม ตอนนี้วัดก็ปิด กิจกรรมก็ไม่มีค่ะ ทำใจอย่างไรดี? #ตอบ : ก็ดีแล้วนะ หมายถึง โยมทำดีแล้ว เงียบไว้.. เงียบไว้ คนที่เขาฝังหัวไปแล้ว เราก็ไปเปลี่ยนเขายาก อย่างน้อย ๆ ที่เราจะช่วยได้นะ คือ ไม่เติม “วจีทุจริต” ในการสนทนากัน ทำให้เห็นว่า “วจีทุจริต” ต่าง ๆ ไม่จำเป็น แล้วยิ่งถ้าเขาด่า ยิ่งเขาแสดงความหยาบคาย.. มันจะยิ่งเห็นชัด ตัวคนด่าเอง อาจจะรู้สึกว่า ‘สะใจ ที่ได้ด่า’ แต่ถ้าเราฟังคำด่า แล้วไม่ด่าตอบ หรือไม่ไปโต้ตอบอะไร หรือถ้าจะโต้ตอบ ก็คุยด้วยเหตุผล คุยด้วยคำสุภาพ มันจะมีสักวันหนึ่ง ที่เขาเริ่มเห็นว่า ‘นี่กูบ้าอยู่คนเดียว!’ แต่ตอนนี้ มันยังไม่ถึงขั้นนั้น มันยังอยู่ในขั้นที่เรียกว่า อยู่ในขั้นหลงผิดอยู่ หาเรื่องทะเลาะกับคนโน้น หาเรื่องด่าคนนี้ แล้วก็ชักชวน ให้คนมารวมกันด่า รวมกันยิง..ด้วยคำพูด เอาอาวุธ คือคำพูด ใช้คำพูดนี้ แทนอาวุธ อาวุธสมัยนี้ ก็คือกระสุน สมัยก่อนนะ พระพุทธเจ้าจะเปรียบว่า “เอาคำพูดนี้ แทนหอกดาบ” สมัยก่อน อาวุธที่มันน่ากลัว ก็คือ หอกดาบ ใช้คำพูด แทนหอกดาบ ประหัตประหารกัน มีพระทะเลาะกัน พระพุทธเจ้าก็เตือนนะ เตือนไม่ฟัง พระองค์ก็ปลีกวิเวกเลย พระสองฝ่ายทะเลาะกัน ด้วยเหตุเพียงแค่ พระท่านหนึ่ง ไปเหลือน้ำไว้ในห้องน้ำ ไม่ได้คว่ำภาชนะน้ำเอาไว้ เหตุแค่นี้เท่านั้นเอง แล้วกลายเป็นทะเลาะ แบ่งฝักแบ่งฝ่าย พระพุทธเจ้าก็เตือน เตือนให้ “ให้อภัยกัน ให้สมัครสมานสามัคคีกัน” พระสมัยนั้น.. ไม่น่าเชื่อเลยนะ พระพุทธเจ้าเตือนขนาดนี้ พระกลุ่มที่กำลังทะเลาะกัน บอกกับพระพุทธเจ้าว่า “พระองค์เสวยวิมุติสุขของพระองค์เถิด กระหม่อนฉันจะทะเลาะกันต่อ” ประมาณอย่างนี้ ถ้าพูดแบบให้มันหนัก ๆ นะ “พระองค์อยู่ส่วนพระองค์ไป เดี๋ยวผมจะทะเลาะกันต่อ” เวลาคนโง่นี่.. มันโง่จริง ๆ นะ ไม่แบ่งว่าเป็นพระเป็นโยมด้วยนะ สมัยนั้นเป็นอย่างนั้นเลยนะ เพราะฉะนั้นช่วงนี้..เราเป็นใคร? เราเป็นใคร? พระพุทธเจ้าเตือนพระ ยังถูกพระบอก “พระองค์ไปทางโน้น” พูดง่ายๆ นะ “พระองค์ไปทางโน้น เดี๋ยวผมจะทะเลาะกันต่อ” ..แล้วเราเป็นใคร? ถ้าเราอยู่ ๆ จะไปห้าม “เฮ้ย! หยุด!” มันจะฟังเราหรือ? พระพุทธเจ้ายังถูกไล่ออกไปข้างนอกเลย มีวิธีเดียวคือว่า “อย่าไปเสริมทุจริต” วจีทุจริต กายทุจริต มโนทุจริต อะไรต่าง ๆ ไม่เอา! ไม่เข้าไปเสริม เพราะคนพวกนี้ต้องการเอาชนะ ต้องการเอาชนะ ด้วยใจที่ขุ่นมัว มีโมหะ มืดดำ ตอนนี้อยู่ ๆ เราจะไปทำให้เขาหยุดนะ..ยากอยู่ ก็ต้องให้เขาได้รับวิบากอะไรสักอย่างหนึ่ง โดยเขาเองนะ อย่างพระในยุคนั้น พอพระพุทธเจ้าปลีกวิเวกออกไป ในเมื่ออยากทะเลาะ ก็ทะเลาะไป พระองค์ก็ปลีกไปป่า ชาวบ้านทั้งหลาย.. ‘อ้าว! พระพุทธเจ้าไปไหน?’ อยากจะทำบุญกับพระพุทธเจ้า แล้วพระพุทธเจ้าหายไปไหน? แล้วก็ทราบข่าวว่า เพราะพระพุทธเจ้าเตือนให้พระสองฝ่ายหยุดทะเลาะ แล้วไม่ยอมหยุด พระพุทธเจ้าก็ปลีกวิเวก โยมก็เลยทำโทษพระสองกลุ่ม ที่กำลังทะเลาะกัน ว่า “ถ้าอยากทะเลาะ ก็ทะเลาะไป เราไม่ใส่บาตร!” ใครมีแรงทะเลาะ.. ก็ทะเลาะไป! เจอโยมใช้มาตรการนี้เข้าไป พระก็หมดแรงทะเลาะ แต่นั้นเป็นเรื่องในอดีต ในสมัยพุทธกาล ยุคนี้ก็ต้องใช้ลักษณะอย่างนี้ อย่างที่โยมทำนี้ล่ะ คือไม่ต้องไปเถียง ไม่เถียงด้วย แล้วถ้าจะพูด ให้พูดด้วยเหตุผล พูดด้วยมีสติอย่างยิ่ง ไม่ชวนทะเลาะกับใคร ไม่ไปเหน็บ ไม่ไปใช้คำทิ่มแทงอะไรด้วย ถ้าจะอธิบาย ก็อธิบายไป ไปตามเหตุ ตามผล ตามข้อมูลที่มีจริง คนชวนทะเลาะ คนที่เสพข่าวที่ไม่จริงนะ บางทีก็ไม่รับรู้ข้อมูลอะไรที่มันตรงข้ามกับที่ตัวเองเชื่อ เราเองก็ต้องทำใจ ถ้าจะพูด.. ให้พูดความจริง ข้อมูลที่ถูกต้อง เดี๋ยวนี้ บางทีเราก็ไม่ต้องชวนทะเลาะอะไรมากนะ เดี๋ยวนี้ก็จะมีเพื่อนบ้านช่วย เช่น มีประเทศจีนช่วยนะ คนจีนมองออกว่า ‘พวกนี้มันอะไรของมัน?’ ..บอยคอต (boycott) เลย ไม่คบด้วย เสียลูกค้าไปเอง! พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากตอบปัญหาธรรม รายการธรรมะสว่างใจ ออกอากาศวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๖๔ ลิงค์รายการ https://www.youtube.com/watch?v=sg_MuJyunsQ (นาทีที่ 37.40-45.00

อ่านต่อ