#นิมฺมโลตอบโจทย์ #ความจริงโดยสมมติ กับ #ความจริงโดยปรมัตถ์ ?? #ถาม : ช่วยอธิบายคำว่า “จิตรู้ในสิ่งที่อยู่เหนือบัญญัติ” เป็นอย่างไรคะ? #ตอบ : คือความจริงในโลกนี้ ที่จิตจะรู้ได้ มีความจริง ๒ แบบ คือ ๑. ความจริงโดยสมมติ กับ ๒. ความจริงโดยปรมัตถ์ ความจริงโดยสมมติ คือ ความจริงที่ขึ้นต่อการยอมรับของคน จริงตามที่กำหนดตกลงกันไว้ บางทีก็เรียกว่า “สมมติบัญญัติ” หรือ “สมมติสัจจะ” ความจริงโดยปรมัตถ์ คือ ความจริงที่มีอยู่ตามธรรมชาติ โดยไม่ขึ้นต่อการยอมรับของคน เรียกว่า ปรมัตถสัจจะ จะเรียกว่า เหนือบัญญัติ หรือ พ้นจากสมมติ ก็ได้ พ้นจากสมมติ ก็คือ สภาวะที่ท่านแยกออกมาเป็น ๔ อย่าง ได้แก่ จิต, เจตสิก, รูป, และ นิพพาน นี่เป็นความจริงโดยปรมัตถ์ จิต คือ ธรรมชาติที่รู้อารมณ์ เจตสิก คือ อาการหรือคุณสมบัติต่างๆ ของจิต รูป คือ รูปธรรมทั้งหมด นิพพาน คือ สภาวะที่ไร้กิเลสและไร้ทุกข์ ทีนี้ เวลาเราอยู่ในโลกปกติทั่วๆ ไปเนี่ย เราจะอยู่กับสมมติบัญญัติมาก เช่น วันนี้มาคุยกับ “พระกฤช” รวมกันกับทั้ง “พระชัยชนะ” ในรายการ “ธรรมะสว่างใจ” อย่างนี้นะ ชื่อนี้..เป็นสมมติบัญญัติ หมดเลย ฟังอาตมาแล้ว..งง ความงง เนี่ย..เป็นสภาวะหนึ่งในใจ เป็นอาการของจิต ถ้ารู้จัก ความงง.. ก็คือรู้ เจตสิก มีปรากฏการณ์อันหนึ่งเกิดขึ้นในใจ..ว่า งง เผอิญว่าฟังอาตมาไป..แล้วเกิด เข้าใจ ความเข้าใจ ก็เป็นเจตสิก เข้าใจ..แล้ว ดีใจ ความดีใจ..เป็นปรากฏการณ์อย่างหนึ่งในใจ เป็นเจตสิก คำว่า “ดีใจ”.. เป็นสมมติสัจจะ เป็นสมมติบัญญัติ แต่สิ่งหนึ่ง หรือสภาวะหนึ่งที่เกิดขึ้นในใจ ที่เราเรียกว่า ดีใจ เนี่ย.. เป็นปรมัตถสัจจะ ให้มารู้สภาวะที่ว่านี้ ที่ไม่ต้องไปเรียกชื่อมันก็ได้ รู้สึกว่าเมื่อกี้นี้มีอะไรเกิดขึ้นในใจ.. แล้วพอรู้ทัน.. มันก็ดับไป ตอนที่เผลอคิด.. ตอนคิดเนี่ย เรื่องราวในความคิด..ก็เป็นสมมติบัญญัติ แต่ตอนรู้ทันว่าเผลอคิด..มันจะไม่รู้ลงในเรื่องราว..จะรู้เพียงแค่ว่า เมื่อกี้เผลอคิด มีความเผลอเกิดขึ้นในใจ ไอ้ตอนที่รู้ว่าเผลอคิดเนี่ยนะ..มันไม่ลงในสมมติบัญญัติ จะเรียกว่า มีสติรู้ในสิ่งที่อยู่เหนือบัญญัติ ก็ได้ ถ้าคิด..แล้วรู้เรื่องราวในความคิดนะ..ก็อยู่ในเรื่องสมมติบัญญัติ นึกออกไหม? แต่ถ้า รู้เพียงว่าเมื่อกี้จิตมันเผลอไป..อย่างนี้ก็เรียกว่า รู้ปรมัตถสัจจะ ไม่หลงไปในสมมติบัญญัติ หรือสมมติสัจจะ #ถาม : เมื่อกี้เหมือนกับที่ โยมออกจากสมาธิเนี่ย แล้วก็เดินออกมาข้างนอกใช้ชีวิตปกติ แล้วจิตคิดเนี่ย แล้วเรารู้ พอเราเห็นความคิดนั้น ความคิดนั้นดับไป #ตอบ : ดับเองนะ? ถ้าดับเองเนี่ย..ก็คือเห็นว่า เมื่อกี้เผลอคิด แค่รู้..ไอ้ที่คิดก็ดับปั๊ปเลย! มันจะเห็นทันทีเลย แล้วก็มันแสดงความจริงทันทีเลยว่า..มันไม่เที่ยง แล้วที่มันดับเนี่ย..ดับเองด้วย เราไม่ได้ตั้งใจดับเลย..เราแค่รู้ นั่นแหละ ถ้าเห็นจริงนะ..มันจะเจริญวิปัสสนาทันทีเลย หรือถ้าไม่เจริญวิปัสสนา..ก็จะเอื้อให้เกิดวิปัสสนาได้ง่าย ๆ เพราะความจริงมันแสดงให้เห็นชัด ๆ เลยขณะนั้น ว่ามันเกิด-ดับ มันดับเองด้วย #ถาม : พระอาจารย์กฤชคะ แล้วอย่างเราออกจากสมาธิแล้วเนี่ย ปัญญาเกิดขึ้น อย่างเช่นว่า.. เรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นในอดีต แล้วเราคิดไม่ออก แต่อยู่ดี ๆ เกิดขึ้นมา แล้วมีปัญญาตอบคำถามนั้นได้เองเลย #ตอบ : ใช่! คือจิตมันมีคุณภาพ แต่ว่าคล้าย ๆ กับว่า มันมีคำถามในใจอยู่ก่อนนะ! แต่ตอนทำกรรมฐานเนี่ย..ไม่ต้องไปสนใจคำถามนั้น คล้ายๆ ว่ามีเป้าหมายไว้นิดหนึ่ง จิตมันมีเป้าหมายของมันเองอยู่แล้วว่า..มันสงสัยเรื่องนี้ หรือมีติดขัดเรื่องนี้อยู่นะ แล้วพอจิตมันสงบลงไปนะ.. มันจะมีความรู้ขึ้นมาเองว่า.. “ไอ้ที่ติดขัดเนี่ย มันต้องหาทางออกแบบไหน?” หรือว่า.. “ควรจะทำอะไรกับมัน?” จะมีคำตอบออกมาเอง #ถาม : พระอาจารย์คะแล้วทำอย่างไรถึงจะพัฒนาต่อไปอีกนะคะ? จะมีวิธีฝึกยังไง? #ตอบ : ถ้าจะให้พัฒนาต่อ ก็คือทำประจำ #ถาม : โยมถนัดที่จะดูลมหายใจมากกว่าดูร่างกายที่เป็นอสุภกรรมฐานนะคะ #ตอบ: ก็เอาอย่างนี้นะ ก็ดูลมหายใจไป แล้วก็หายใจ..เพื่อรู้จิต หายใจไปนะ หายใจไป..แล้วก็รู้ทันจิต หายใจไป..แล้วรู้ทันความปรุงแต่งของจิต หายใจไป..แล้วก็เห็นว่าจิตมันเกิด-ดับ เห็นว่ามันเปลี่ยนแปลง หายใจไป..แล้วก็จะเข้าใจไปเรื่อย ๆ แล้วพอหายใจแล้ว.. ด้วยความเข้าใจจิตนี้นะ! หายใจแล้วหลุดพ้น ก็จะรู้ว่า..หลุดพ้นด้วย พระอาจารย์กฤช นิมฺมโล เรียบเรียงจากการตอบปัญหาธรรม ในรายการ “ธรรมะสว่างใจ” วันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ ลิงค์วีดีโอ https://youtu.be/W8m1Tx0SPQ0 (นาทีที่ 48:18 - 53:58) Shortlink: March 10, 2020นิมฺมโลตอบโจทย์admin อ่านต่อFacebookTwitterLine